ในช่วงต้นปีหน้า หรือ ปี 2025 ที่ประเทศอินเดีย กำลังจะมีงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกนามว่า “มหากุมภเมลา” (Maha Kumbh Mela) ซึ่งจัดขึ้นทุกๆ 12 ปี โดยย้อนกลับไปในปี 2013 หรือเมื่อ 12 ปีก่อน มีบันทึกว่าตลอดสองเดือนที่จัดงานมีคนไปร่วมถึง 120 ล้านคน!

…นี่คือ “เทศกาล” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอินเดียและของโลก ซึ่งชาวฮินดูทั้งมวลหลั่งไหลมาร่วมพิธี โดยไม่แบ่งแยกนิกายและความเชื่อ มันจึงเป็น “พื้นที่แห่งศรัทธาและจิตวิญญาณ” ของอินเดีย ซึ่งพวกเขาจะมาประกอบพิธีกรรมซับซ้อน และเข้มขลัง ซึ่งสืบทอดกันมานับพันๆ ปี จนได้รับสถานะเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้โดย UNESCO

กุมภเมลา (Kumbh Mela) คืออะไร?
“กุมภเมลา” แปลว่า งานเทศกาลหม้อน้ำ โดย “กุมภะ” หมายถึง หม้อน้ำ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางโหราศาสตร์ ของราศีกุมภ์ ส่วน “เมลา” แปลว่าการชุมนุม การรวมตัวหรือหมายถึงเทศกาล

กุมภเมลา เป็นเทศกาลทางจิตวิญญาณของอินเดียที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และเป็นเทศกาลรวมตัวของมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเทศกาลนี้จัดเวียนทุกๆ 3 ปี ใน 4 เมือง คือ
–หริทวาร ซึ่งมีแม่น้ำคงคาไหลผ่าน
–ประยาคราช (หรืออัลลาหบาท ในปัจจุบัน) มี “ตริเวณีสังคัม” หรือน้ำศักดิ์สิทธิ์สามสายมารวมกัน ได้แก่ คงคา ยมุนา และสรัสวตี (ปัจจุบันไม่มีแม่น้ำสรัสวดีแล้ว แต่คนฮินดูบางส่วนเชื่อกันว่าเป็นน้ำใต้ดิน)
–อุชเชน ซึ่งมีแม่น้ำศิประไหลผ่าน
–นาสิก ซึ่งมีแม่น้ำโคทาวารีไหลผ่าน

เทศกาลนี้จัดขึ้นทุกสิบสองปี ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า “ปูรณกุมภเมลา” หรือ กุมภเมลาสมบูรณ์ หมุนเวียนไปตามสถานที่จัดทั้งสี่เมือง หากระหว่างนั้น จะมี “อรธกุมภเมลา” หรือ กุมภเมลาครึ่ง ซึ่งจะจัดหกปีครั้ง
แต่เนื่องจากมีสี่สถานที่ จึงมักเกิดงานกุมภเมลาห่างกันประมาณสามปี และ “มหากุมภเมลา” คือ ปูรณกุมภเมลาจำนวนสิบสองครั้ง นั่นแปลว่ามหากุมภเมลาจะจัดขึ้นทุกๆ หนึ่งร้อยสี่สิบสี่ปี
เพื่อความเข้าใจได้โดยง่าย จึงเรียกงานทุกสิบสองปีว่า “มหากุมภเมลา” และเรียกงานทุกหกปีว่า “กุมภเมลา”
ชาวฮินดูทำอะไรในงานกุมภเมลา?
เทศกาลกุมภเมลาเป็นเทศกาลแสวงบุญที่บรรดานักบวชสาธุ สันยาสี โยคี มุนี เดินทางเพื่อลงอาบน้ำในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ โดยเชื่อว่า สายน้ำเหล่านี้จะสามารถจะชำระบาปได้ อันเป็นการหลุดพ้นจากวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิด…

ส่วนชาวอินเดียทั่วไป กุมภเมลา ถือเป็นเทศกาลสำคัญที่ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงจะได้สวดมนต์ขอพรและเดินทางไปแสวงบุญร่วมกัน โดยต่างเต็มใจเผชิญความยากลำบากไม่ว่าจะเป็นการเบียดเสียดกับฝูงชน เสียงตะคอกของตำรวจนับพันนายคอยที่ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในพิธี รวมถึงสภาพอากาศที่หนาวจัดในช่วงต้นปี เพื่อให้ได้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีชำระล้างบาปในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์

นอกจากนี้ เทศกาลยังเป็นโอกาสสำคัญในการพบปะคุรุครูบาอาจารย์ใหญ่ๆ หลากหลายสำนักที่พำนักใน “อขาระ” (Akharas) หรือสํานักของนักบวชฮินดูกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งในเทศกาลนี้แต่ละสํานักมีความเชื่อและหลักปฏิบัติแตกต่างกันจะมา “ออกร้าน” ให้ท่านแลกเปลี่ยนกับพวกเขา โดยท่านสามารถชมดูพิธีกรรม ขอพร ฟังเทศน์ฟังธรรม และเรียนรู้ด้านจิตวิญญาณไปด้วย
อีกทั้ง ภายในงานยังมีการอภิปรายทางศาสนาที่เรียกว่า “ประวจนะ”, การบวช, การแสดงดนตรีทางศาสนา บ้างก็ได้โอกาสทำบุญให้ทานอย่างขนานใหญ่แก่เหล่านักบวชและคนยาก รวมทั้งงานบริการที่เรียกว่า “เสวา”
คนกลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง คือ “สาธุ” (Sadhu) นักบวชที่สละทางโลกเพื่ออุทิศตนแก่ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ ซึ่งสาธุเหล่านี้บําเพ็ญเพียรอย่างเคร่งครัดทั้งทําสมาธิ โยคะ และพิธีกรรมอื่น ๆ ในแนวทางของสํานักตนเพื่อแสวงหาการหลุดพ้น

การคงอยู่ของนักบวชเหล่านี้ แสดงถึงจิตวิญญาณของศาสนาแบบตะวันออก ที่ว่า “ทางหลุดพ้นมีได้หลากหลายและเป็นเรื่องเฉพาะตน” ซึ่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ของความเชื่ออันมากมาย นับเป็นวัฒนธรรมอันวิเศษซึ่งอินเดียมอบแก่โลก
ไม่เพียงเท่านั้น ภายในงานยังมี “พิธียัชญะ” (Yajna) ที่ “ยัชญะศาลา” พิธีกรรมโบราณที่สืบมาจากยุคพระเวท (ประมาณ 3,500 – 2,500 ปีก่อน) โดยไม่ขาดตอน ซึ่งคนไทยเรียกพิธีนี้ว่า “ยัญ” (เป็นที่มาของคําว่า “บูชายัญ”)

ชาวฮินดูมักประกอบพิธียัชญะด้วยการสวดมนต์และอธิษฐาน พร้อมทั้งการถวายธัญพืช เนยใส (Ghee) หรือ
สิ่งของอื่น ๆ ทิ้งลงในกองไฟศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและขอพรต่อเทพเจ้า พิธีนี้มีบทบาทสําคัญเป็นพิธีกรรมแกนกลางของศาสนาฮินดู โดยปรากฏในงานสําคัญ เช่น งานแต่งงาน, งานบวงสรวงในชุมชน หรือเทวาลัย
นี่เองจึงทําให้เทศกาลกุมภเมลามีสถานะเป็น มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ โดยองค์การยูเนสโก ซึ่งมันไม่เพียงแค่ดึงดูดนักแสวงบุญ แต่ยังดึงดูดนักท่องเที่ยว ช่างภาพ และผู้ทําสารคดีจากทั่วโลก นับเป็นงานซึ่งแสดงถึง “จิตวิญญาณของอินเดีย” ได้อย่างดีที่สุดนั่นเอง…
ตำนานของกุมภเมลา
ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู เชื่อว่า ครั้นเมื่อเทพเจ้าและอสูรกวนเกษียรสมุทรจนได้สิ่งของต่างๆ แล้ว เทพธันวันตริ เจ้าแห่งแพทย์ อวตารของพระวิษณุ ก็ได้ทูน “กุมภะ” หรือหม้อน้ำอมฤตออกมาจากเกษียรสมุทร ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งเหล่าเทวดาและอสูรล้วนปราถนา

แต่ธันวันตริกลับอุ้มหม้ออมฤตหนีพวกอสูร เพื่อให้ฝ่ายเทวดาได้กินน้ำอมฤตแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยองค์เทพเจ้าได้พักวางลงในสี่ตำบล คือ ประยาคราช หริทวาร นาสิก (ตรยัมพกะ) และอุชเชน จนทำให้ทั้งสี่เมืองนี้กลายเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์
ซึ่งนักวิชาการเห็นว่าการยกตำนานการกวนเกษียรมาเชื่อมโยงกับเทศกาลกุมภเมลาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในภายหลังมากๆ เพราะตามหลักฐานทางคัมภีร์ที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับการกวนเกษียรสมุทร อย่างคัมภีร์ยุคพระเวท ( 500 ปี ก่อนคริสตศักราช) และคัมภีร์ปุราณะ ไม่ได้ปรากฏถึงเรื่องราวของการกวนเกษียรสมุทรที่สามารถเชื่อมโยงถึงเทศกาลกุมภเมลาไว้แต่อย่างใด
ประวัติศาสตร์ของกุมภเมลา
เราไม่อาจทราบแน่ชัดว่า กุมภเมลามีอายุนานเท่าใดกันแน่ แต่ตามบันทึกของพระเสวียนจั้ง หรือพระถังซัมจั๋ง ซึ่งเดินทางเข้ามาในอินเดียเมื่อศตวรรษที่ 7 ได้กล่าวถึงเมืองประยาคราช เมืองศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดูที่มีการประกอบพิธีกุมภเมลา และว่ากันว่า กุมภเมลาที่ประยาคราชนั้นเก่าแก่ที่สุด

แต่การกล่าวถึงการจาริกแสวงบุญเพื่ออาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ ณ เมืองประยาคราช นั้นเก่าแก่ไปมากกว่านั้น โดยมันไปปรากฏครั้งแรกในคัมภีร์ฤคเวท นอกจากนี้ การอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ยังปรากฏในคัมภีร์พระไตรปิฎก แสดงไว้ในวัตถูปมสูตร มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ มูลลปริยายวรรค ซึ่งพระพุทธเจ้าปฏิเสธการอาบน้ำเพื่อชำระล้างบาป
นอกจากนี้ รามจริยมนัส บทกวีแบบมหากาพย์ในภาษาอวาธี ประพันธ์โดยตุลสิทาส ในช่วงศตวรรษที่ 16 ได้มีการกล่าวถึงเทศกาลประจำปีที่เมืองประยาคราช เช่นเดียวกับ “ไอน์-อิ-อักบารี” (آئینِ اکبری: การบริหารของอักบาร์ ) บันทึกราชการของจักรวรรดิโมกุลสมัยจักรพรรดิอักบาร์ ที่มีการกล่าวถึงงานเทศกาลอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองประยาคราชเช่นกัน
หากความเชื่อทั่วไปของชาวฮินดู เชื่อว่า อาทิศังกราจารย์ ผู้เป็นยอดนักปราชญ์ศาสนาฮินดู ได้ดำริให้กุมภเมลาเป็นเทศกาลที่ทำให้เกิดการรวมตัวกันของนักบวชในนิกายต่างๆ ของศาสนาฮินดู

นอกจากนี้ อาทิศังกราจารย์ยังได้จัดตั้งกลุ่มนักบวช “อขาฒา” (akhara) หรือ “นาคสาธุ” ซึ่งเป็นชื่อของกลุ่มนิกายย่อยในบรรดาสิบนิกาย (ทศนามี) ของนักบวชที่อาทิศังกราจารย์รวบรวมขึ้นไว้ และยังเป็นชื่อกลุ่มสายสืบทอดการฝึกศิลปะป้องกันตัวของอินเดียด้วย
โดยนักบวชนาคสาธุจะมีการฝึกฝนทางจิตใจ และฝึกฝนทางร่างกาย จึงถูกจัดเข้าในพวก “อัสตรธารี” หรือนักบวชที่ถืออาวุธได้ พวกนาคสาธุจึงถือดาบหรือถือตรีศูลเพื่อปกป้องพวกนักบวชในหมู่คณะตนหรือชาวฮินดูโดยทั่วไปจากความเชื่ออื่นๆ โดยเฉพาะในยุคสุลต่านเดลีและจักรวรรดิโมกุล รวมไปถึงยุคอาณานิคมอังกฤษ

กระนั้นกุมภเมลาก็เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างนิกาย จนมีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก เช่น ในช่วงที่เปศวาปกครองรัฐมาราฐาอยู่นั้น นักบวชในไศวะนิกายและไวษณพนิกายปะทะกันในงานกุมภเมลาที่ตระยัมพกะ ผู้ปกครองเปศวาต้องระบุให้ไวษณวะนิกายลงอาบน้ำที่ท่ารามกุณฑ์ เมืองนาสิก ในขณะที่พวกไศวะลงอาบยังท่าตระยัมพกะตามเดิม
กุมภเมลายุคอาณานิคม
ในยุคอาณานิคมอังกฤษ งานกุมภเมลาเริ่มมีนัยทางการเมือง โดยในปี 1861 และปี 1872 นิรมาลาสาธุพากันจาริกด้วยร่างกายเปล่าเปลือย เพื่อไปจัดงานกุมภเมลาที่เมืองนาสิก แต่ถูกยับยั้งโดยอังกฤษ เพราะละเมิดกฎเรื่องความสงบเรียบร้อยและกฎหมายห้ามเปลือยกายในที่สาธารณะ
กระนั้นเหล่าสาธุยังคงเดินหน้าจัดงานกุมภเมลาต่อไป… ทางอังกฤษจึงได้มีการจัดเก็บ “ภาษีแสวงบุญ” และภาษีการค้าที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาล รวมไปถึงความพยายามในการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ภายในเทศกาล แต่ได้รับผลตอบรับที่น้อยนัก เมื่อเทียบกับจำนวนผู้เข้าร่วมเทศกาล
ต่อมา ทางอังกฤษที่ต้องการเอาใจชาวฮินดูก็ได้อำนวยความสะดวกในการจัดงานเทศกาลเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาสิ่งของจำเป็น จัดสรรพื้นที่ค้าขายและที่พัก และช่วยเหลือด้านสาธารณสุข ซึ่งบางครั้ง ผู้เข้าร่วมเทศกาลมักมีปัญหาด้านสุขอนามัย แต่พวกเขายินดีที่จะสิ้นชีพในเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ มากกว่าจะยอมทำตามทางการอังกฤษ

อีกทั้ง เทศกาลกุมภเมลายังเป็นหนึ่งในเทศกาลที่มีการรวมตัวกันของชาวฮินดู เพื่อต่อต้านการปกครองของรัฐบาลอาณานิคม ที่พยายามมสนับสนุนมิชชันนารีคริสเตียนและเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างไม่เป็นธรรม
โดยระหว่างการกบฏอินเดียในปี 1857 (พ.ศ. 2400) อังกฤษได้โจมตีสถานที่จัดงานกุมภเมลา และทำลายล้างพื้นที่เมืองประยาคราช และเมื่ออังกฤษกลับมาควบคุมพื้นที่ได้อีกครั้ง อังกฤษก็ได้ยึดพื้นที่จัดงานเป็นฐานทัพ จนทำให้เหล่าผู้แสวงบุญลุกขึ้นมาประท้วง ซึ่งกุมภเมลายังคงมีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวเพื่อเอกราชของอินเดียจนถึงปี 1947 โดยเป็นสถานที่ที่ชาวอินเดียและนักเคลื่อนไหวมารวมตัวกันอย่างมหาศาล
หลังจากปี 1947 อินเดียได้รับเอกราช รัฐบาลอินเดียและรัฐบาลท้องถิ่นก็ได้เข้ามีบทบาทหน้าที่ในการจัดการงานเทศกาลและจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานสำหรับงานกุมภเมลา
ปัจจุบันกุมภเมลาคืออภิมหาเทศกาลที่ดึงดูดผู้คนจำนวนมหาศาล ทั้งนักแสวงบุญและนักท่องเที่ยว ซึ่งจำนวนเม็ดเงินที่สะพัดอย่างมากมาย ไม่ใช่งานของฝ่ายศาสนาเพียงอย่างเดียวแต่มีหน่วยงานราชการและหลายองค์กรเข้าไปจัดการในส่วนต่างๆ
ความมีชีวิตชีวาและพื้นที่ของความหลากหลายที่ “จริง” โดยไม่ต้องไปปรุงแต่งเพื่อโชว์นักท่องเที่ยวนี่เอง ยิ่งทำให้กุมภเมลาดึงดูดผู้คนมากขึ้นทุกๆ ปี

ทาง The Wild Chronicles จึงได้จัดทริปสุดพิเศษสำหรับเดินทางไปร่วมเทศกาล “มหากุมภเมลา” ซึ่งรอช้าไม่ได้! เพราะสิบสองปีมีเพียงรอบเดียวเท่านั้น! ออกเดินทางวันที่ 10 – 17 กุมภาพันธ์ 2025! ซึ่งเราจะพาท่านไปพบกับบรรยากาศแห่ง “จิตวิญญาณ” โดยเข้าพักในเต็นท์กลางพิธี เพื่อสัมผัสแลกเปลี่ยนกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์จากนิกายต่างๆ นี้ถึงสองคืน

ทัวร์ของเรายังคงคอนเซ็ปต์ “ทัวร์ดีมีของสำหรับนักผจญภัยที่ไม่ธรรมดา” แถมด้วย “กินหรูอยู่สบาย” นอนโรงแรมระดับที่ดีที่สุดในทุกเมืองที่ไป
…มันคือ “เอกภาพ” ท่ามกลางความแตกต่าง
…มันคือ “การบำเพ็ญเพียร” เพื่อแสวงหาตนเอง
…มันคือ “สัจจะแห่งการหลุดพ้น” ซึ่งมีได้หลากหลาย
มีคำกล่าวว่าชมพูทวีปส่งมอบสันติภาพเป็นของขวัญอันล้ำค่าให้แก่มวลมนุษย์
มันจะเป็นการเดินทางสู่ดินแดนแห่งความเชื่อ …ซึ่งอาจสามารถสะท้อน “จิตวิญญาณ” ของท่านเองก็ได้
รับประสบการณ์ที่แตกต่าง และสัมผัสบรรยากาศแบบใหม่ที่อาจไม่เคยลิ้มลอง หากท่านใดสนใจขอโปรแกรม สามารถติดต่อได้ทาง inbox หรือแอด LINE OA ได้ที่ @thewildchronicles (พิมพ์ @ ด้านหน้า) และพิมพ์ว่า “สนใจทัวร์มหากุมภเมลา” ได้เลยนะครับ หรือกดปุ่ม “จองทัวร์” ได้เลยครับ
0 Comment