ขณะนี้ (พฤษภาคม 2021) กำลังมีความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ปะทุขึ้นรอบใหม่ มีคนตายนับร้อย คนบาดเจ็บนับพัน
เรื่องนี้ไม่ใช่ของใหม่ ในอดีตรัฐบาลอิสราเอล และกองกำลังปาเลสไตน์เคยปะทะหนักกันมาหลายรอบ สร้างความเจ็บปวดสูญเสียไม่นับได้
อย่างไรก็ตามในการเข้าใจความขัดแย้งต่างๆ มันไม่ได้เป็นเรื่องเรียบง่ายแค่ “เขาเกลียดกัน เขาจึงรบกัน” แท้ที่จริงในหมู่ชาวอิสราเอลก็มีหลายฝักฝ่าย ทั้งฝ่ายขวา ฝ่ายซ้าย ฝ่ายกลาง เหมือนประเทศอื่นๆ
เรื่องที่คนไม่ค่อยพูดกันคือ อิสราเอลยังมีประชากรเชื้อสายอาหรับอยู่ถึงหนึ่งในห้า และคนกลุ่มนี้กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเมืองระดับประเทศ
ในบทความนี้ ผมจะลองวิเคราะห์สาเหตุของความขัดแย้ง จากประเด็นทางการเมืองที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าว โดยจะปูพื้นเหตุการณ์คร่าวๆ ก่อนจะเล่าบรรยากาศเบื้องหลังมันนะครับ
เมษายน 2021 เป็นช่วงรอมฎอน หรือเดือนศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวมุสลิมทั่วโลกจะทำการถือศีลอด
สำหรับชาวอาหรับมุสลิมในอิสราเอล/ปาเลสไตน์นั้นมันเป็นเดือนศักดิ์สิทธิ์ในช่วงเวลาที่ผันผวนทีเดียว
พวกเขายังไม่ได้ผ่านพ้นภัยโควิดทีเดียว ประกอบกับอิสราเอลก็มีวิกฤตการเมืองอีก
เมืองหลวงของอิสราเอลหรือเมืองเยรูซาเลมเป็นเมืองที่มีความพิเศษ คือเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของสามศาสนาซึ่งมีรากฐานเดียวกัน ได้แก่ศาสนายิว คริสต์ อิสลาม
ในอดีตผู้ปกครองมุสลิมได้สร้างมัสยิดอัลอักศอซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของศาสนาอิสลามขึ้น ณ เมืองแห่งนี้
มัสยิดดังกล่าวถูกสร้างขึ้นบนเนินพระวิหาร ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งวิหารศักดิ์สิทธิ์ของชาวยิว (ถูกทำลายลงไปหลายร้อยปีก่อนมุสลิมจะเข้ามายึดได้)
ต่อมาภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองชาวยิวยุคใหม่ได้รวมกันตั้งประเทศอิสราเอลขึ้น พวกเขารบชนะชาวอาหรับ สามารถเข้ายึดครองเมืองเยรูซาเลมสำเร็จ
พวกเขายังให้มัสยิดอัลอักศอเป็นเขตของชาวมุสลิม โดยมีกองกำลังอิสราเอลดูแล
รัฐบาลอิสราเอลมีประวัติว่าพยายามรุกคืบเข้าไปยึดครองพื้นที่เยรูซาเลมตะวันออกซึ่งชาวอาหรับปาเลสไตน์อาศัยอยู่มาก (เยรูซาเลมตะวันตกเป็นฟากของชาวยิว) และใช้กฎหมายปกครองชาวยิว กับชาวอาหรับแบบสองมาตรฐาน
ยกตัวอย่างเช่นชาวยิวที่เกิดในเยรูซาเลมตะวันออกจะได้รับสัญชาติอิสราเอลอัตโนมัติ ขณะที่ชาวอาหรับที่เกิดในที่เดียวกันจะได้รับเพียง “สิทธิในการอาศัย” ซึ่งสิทธิดังกล่าวอาจถูกถอดถอนถ้าเขาไปอาศัยที่อื่นนานๆ เคยมีเคสที่ชาวอาหรับออกไปเรียนหรือทำงานเมืองนอก แล้วเสียสิทธิอาศัยไปเลย
อนึ่งรัฐบาลอิสราเอลเปิดโอกาสให้ชาวอาหรับในเยรูซาเลมตะวันออกขอสัญชาติอิสราเอลได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่ยอมขอ และคนที่ขอนั้นก็ต้องผ่านกระบวนการที่ยากเย็นยาวนานมาก
แม้จะมีความพยายามประนีประนอมหลายครั้ง แต่กลุ่มหัวรุนแรงของทั้งสองฝ่ายมักจะทำให้การประนีประนอมยากขึ้น
ในลักษณะนี้ ขณะที่เยรูซาเลมตะวันตกเป็นดินแดนของโลกเจริญแล้ว ซึ่งมีผู้คนมีสิทธิเสรีภาพการแสดงออก เยรูซาเลมตะวันออกนั้นกลับเป็นดินแดนของการต่อสู้เรื่อยมา
เมษายน 2021 มีเคสความขัดแย้งระหว่างชาวยิวกับชาวอาหรับในพื้นที่พิพาทเยรูซาเลมตะวันออก ซึ่งชาวอาหรับเห็นว่าตนถูกขับไล่จากบ้าน เรื่องค่อยๆ ลุกลามมาตำรวจอิสราเอลจึงทำการปิดประตูดามัสกัส ซึ่งเป็นประตูหนึ่งของเมืองเก่าเยรูซาเลม และเป็นสถานที่ๆ ชาวอาหรับมักมาสังสรรค์กัน
พวกเขาอ้างว่าชาวอาหรับประท้วงอยู่เสมออยู่แล้ว และจำเป็นต้องปิดกั้นสถานที่บางแห่งเพื่อลดการประท้วง
การกระทำดังกล่าวกลับทำให้ชาวอาหรับประท้วงหนักกว่าเดิม และสามารถกดดันจนอิสราเอลยอมถอนการปิดกั้น ตอนนั้นพวกอาหรับก็ดีใจเพราะเข้าใจว่าชนะ
แต่เรื่องไม่จบแค่นั้น เดือนเดียวกันมีคลิป tiktok เป็นภาพชาวอาหรับปาเลสไตน์ตบหน้าชาวยิวออร์ทอดอกซ์ (คือพวกที่เคร่งศาสนายิว) โดยไร้เหตุผล (ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดมากนะครับ เดี๋ยวผมจะอธิบายต่อไปว่าทำไม)
คลิปดังกล่าวกลายเป็นไวรัล ชาวอาหรับส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย แต่มันก็มีชาวอาหรับที่เลียนแบบไปไล่ตบชาวยิวแบบ random
นี่ทำให้ชาวยิวหัวรุนแรงไม่พอใจ ออกเดินขบวนเรียกร้องให้จับชาวอาหรับมาฆ่าเสีย
…ทั้งสองฝ่ายปะทะกันหนักขึ้นๆ…
วันที่ 7 พฤษภาคม เกิดเหตุตำรวจอิสราเอลบุกเข้ามัสยิดอัลอักศอขณะชาวอาหรับปาเลสไตน์กำลังประกอบศาสนกิจ
ชาวอาหรับได้ขว้างก้อนหินและของหนักใส่ตำรวจ ขณะที่ตำรวจขว้างระเบิดแฟลช ยิงแก๊สน้ำตา และกระสุนยางใส่ผู้ประท้วง
มีชาวอาหรับบาดเจ็บกว่า 300 คน ทั้งสองฝ่ายกล่าวหากันว่าเริ่มก่อน…
เหตุการณ์นี้ได้เป็นชนวนให้ชาวมุสลิมทั่วโลกไม่พอใจ และทำให้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงภายใต้วาทกรรมที่ว่า “ต้องปกป้องมัสยิดอัลอักศอ!”
พวกที่เป็นแนวหน้าของสิ่งนี้คือชาวอาหรับหนุ่มสาวที่เติบโตมาภายใต้การกดขี่ พวกเขาออกไปต่อสู้กับตำรวจอิสราเอล และใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระจายข่าวสาร
กลุ่มติดอาวุธฮามาสซึ่งเป็นกลุ่มอาหรับปาเลสไตน์ที่ต่อต้านการยึดครองของอิสราเอลได้ยกระดับการโจมตี โดยยิงจรวดนับพันลูกมายังเมืองอิสราเอล (ส่วนใหญ่ยิงใส่บ้านเรือนประชาชน) ทำให้มีคนบริสุทธิ์บาดเจ็บล้มตายบ้าง
แต่ส่วนใหญ่จรวดเหล่านั้นถูกระบบป้องกันภัย Iron Dome ของอิสราเอลสกัดไว้ได้เกือบหมด
อิสราเอลยิงขีปนาวุธตอบกลับ สังหารเจ้าหน้าที่ฮามาสพร้อมประชาชนอาหรับไปมากมาย!
ภาพที่ออกมาก็เหมือนที่เกิดขึ้นมาตลอด คือชาวอาหรับสู้ไม่ค่อยได้ แต่ก็สู้ตาย เพราะแค้นมาก!
…ล่าสุดวันพุธที่ผ่านมา (12 พ.ค. 2021) ฮามาสได้แจ้งว่าพร้อมเจรจาหยุดยิงกับอิสราเอลโดยอยากให้รัสเซียมาไกล่เกลี่ย
แต่รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลบอกว่า “จะไม่พูดถึงการหยุดยิง และไม่ฟังคำเทศนาจากกลุ่มหรือองค์กรไหน เพราะเรามีสิทธิหน้าที่ในการปกป้องพลเมืองของเรา!”
มีหลายคนกังวลว่าเรื่องนี้อาจพัฒนาไปเป็นสงครามเต็มรูปแบบ …แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับวิกฤตการเมืองอิสราเอลอย่างไรล่ะ?
ขอปูพื้นว่า อิสราเอลนั้นปกครองโดยพรรคลิคุด (แปลว่าการรวมกันให้มั่นคง) มาแทบจะตลอด ตั้งแต่ปี 1977
พรรคลิคุดมีผู้นำคือ นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรี
เนทันยาฮู แต่เดิมเป็นทหารหาญ เคยนำหน่วยรบพิเศษต่อสู้สมรภูมิสำคัญมาหลายสมรภูมิ รวมทั้งสงครามยมคิปปูร์ด้วย เรื่องจิตวิญญานนักรบนั้นไม่ต้องพูดถึง
เขาเป็นนายกรัฐมนตรีอิสราเอลติดต่อกันมาสิบกว่าปี ที่ผ่านมาได้นำพาประเทศต่อสู้กับศัตรูต่างๆ โดยเฉพาะอิหร่าน มิได้เพลี่ยงพล้ำ
สำหรับคนเป็นนักรบนั้น มันมีมุมมองเก่าแก่ที่เหมือนจะเป็นจริงอยู่เสมอ คืออิสราเอลตั้งอยู่ในดงศัตรู ถ้าไม่สู้ให้ชนะ ก็จะถูกทำลายให้สูญหายไป
พรรคลิคุดเป็นพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์เอียงขวา ชาตินิยม มีแนวทางเศรษฐกิจแบบทุนนิยม เสรีนิยม แต่หลักๆ ยึดถืออุดมการณ์ไซออนนิสต์ ซึ่งเป็นรากฐานของประเทศอิสราเอล
อุดมการณ์นี้บอกว่า ชาวยิวเป็นชนชาติพิเศษที่วัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์ ที่ผ่านมาถูกกดขี่ข่มเหง เพราะไม่มีดินแดนของตนเอง ชาวยิวจึงควรสร้างประเทศของชาวยิวขึ้นในดินแดนปาเลสไตน์ ซึ่งมีความผูกพันในทางประวัติศาสตร์ (ชาวยิวเคยเป็นชนชาติหลักที่อาศัยอยู่ในดินแดนปาเลสไตน์เมื่อพันกว่าปีก่อน)
โดยไซออนนิสต์มีหลายสาย แต่สายหลักจะไม่เน้นศาสนา ยุคแรกๆ เน้นทางสังคมนิยม แรงงาน ให้ประชาชนช่วยกันทำงานสร้างประเทศด้วยซ้ำ
ยิวที่เชื่อในอุดมการณ์ไซออนนิสต์นี้แหละเป็นพวกที่รบชนะอาหรับ จนสร้างประเทศขึ้นมาสำเร็จ
และความเก่งกาจของชาวยิวที่เชื่ออุดมการณ์ไซออนนิสต์ดังกล่าว ทำให้พวกที่เชื่อทฤษฎีสมคมคิดหลายกลุ่ม มักบอกว่าไซออนนิสต์เป็นสมาคมลับที่อยู่เบื้องหลังสิ่งต่างๆ + มองว่ายิวทั้งหมดเป็นไซออนนิสต์ ซึ่งเป็นการเคลมที่ผิดและทำให้เกิดการเหยียดผิวตามมา ผมเคยเขียนอธิบายเรื่องนี้ในหนังสือประวัติศาสตร์ชาวยิวชื่อ “โลหิตอิสราเอล”
ถามว่าอิสราเอลมีเพียงคนที่นิยมไซออนนิสต์หรือ? คำตอบคือไม่… มันห่างไกลจากสิ่งนั้นมาก…
อิสราเอลเป็นประเทศที่มีความหลากหลาย มีหลายกลุ่มที่จริงๆ แล้วต่อต้านไซออนนิสต์ด้วยซ้ำ
เช่นพวกยิวออร์ทอดอกซ์ที่เคร่งศาสนา พวกเขาบอกว่าการที่รัฐบาลอิสราเอลกดขี่ชาวปาเลสไตน์นั้นเป็นเรื่องผิดหลักศีลธรรม บางคนยังไปร่วมประท้วงกับชาวปาเลสไตน์ด้วย
ด้านหนึ่งชาวอิสราเอลหลายส่วนไม่ชอบพวกนี้ บอกว่าเป็นพวกเกลียดตัวกินไข่ อาศัยในแผ่นดินอิสราเอล แต่ต่อต้านผู้ที่สร้างประเทศขึ้นมา
(ดังนั้นจะเห็นว่าการที่มีคลิปชาวปาเลสไตน์ตบหน้ายิวออร์ทอดอกซ์แบบไร้เหตุผลนั้น จริงๆ ผิดมาก)
นอกจากนั้นในการยึดครองปาเลสไตน์ทำให้อิสราเอลต้องให้สัญชาติกับชาวอาหรับปาเลสไตน์เป็นจำนวนมาก รวมแล้วมีประมาณ 21% ของประชากรทั้งหมด
พวกนี้บางทีก็จะถูกชาวอาหรับที่ไม่ได้รับสัญชาติอิสราเอลดูถูก แต่หลายๆ ส่วนก็ออกไปประท้วงร่วมกันเวลางานเข้า
เมื่อรวมประชากรเชื้อสายอาหรับกับประชากรยิวออร์ทอดอกซ์ซึ่งมี 13% นั้น แม้ยังไม่ใช่คนส่วนใหญ่ แต่ก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะพวกนี้ไม่นิยมคุมกำเนิด
…มีหน่วยงานอิสราเอลคำนวณว่าถ้าไม่ทำอะไร พวกยิวออร์ทอดอกซ์กับอาหรับอาจรวมกันกลายเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศในปี 2065
…และในที่สุดอุดมการณ์ไซออนนิสต์อาจถูกทำลาย เพราะสนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อในตน
นอกจากนั้น บรรดาคนรุ่นใหม่ของอิสราเอลก็จะพบว่าขณะกระแสของโลกนั้นเน้นเรียกร้องให้คนเท่าเทียมกันมากขึ้น มีการให้สิทธิสตรี หรือสิทธิกลุ่มหลากหลายทางเพศมากขึ้น
แต่ใกล้ๆ บ้านของพวกเขานั้นกลับมีการเลือกปฏิบัติด้วยเชื้อชาติอยู่เสมอ ตำหนิเพียงว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นอาหรับ
เด็กหลายๆ คนจะมีคำถามว่า ความขัดแย้งนี้เกิดเพราะอะไร? ชาวอาหรับเป็นผู้ก่อการร้ายกันหมดจริงหรือ? พวกเขาเจรจากับชาวอาหรับได้หรือไม่ หรือควรทำอย่างไร?
ดังนั้นในช่วงปีหลังๆ เนทันยาฮูจึงต้องพบว่าความนิยมของตัวเขา และอุดมการณ์ไซออนนิสต์เอียงขวานั้นเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ
เมื่อประกอบกับเขามีปัญหาพัวพันคอรัปชัน ทำให้ไม่อาจนำพรรคครองคะแนนเสียงข้างมากสำเร็จ
…แต่คู่แข่งของเนทันยาฮูก็มิได้แข็งแกร่ง ในรอบสองปีที่ผ่านมานี้ อิสราเอลต้องทำการเลือกตั้งถึงสี่ครั้ง เพราะไม่มีฝ่ายไหนสามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้โดยเด็ดขาด กลายเป็นวิกฤตการเมืองไป
ปัจจุบันสภาอิสราเอลซึ่งมี 120 เสียงได้แตกเป็นหลายกลุ่ม
กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดคือพรรคลิคุดของเนทันยาฮู มี 30 เสียง
กลุ่มที่ใหญ่อันดับสองคือพรรค Yesh Atid (แปลว่ามีอนาคต) ของนายยาอีร์ ลาพิด ซึ่งมีอุดมการณ์สายกลาง มี 17 เสียง
กลุ่มที่ใหญ่อันดับสามคือกลุ่มพรรคพันธมิตรชาวอิสราเอลเชื้อสายอาหรับ มีราวๆ 10 เสียง
กลุ่มต่างๆ จะสลับขั้วกันไปมาในสองฝ่าย คือฝ่ายเนทันยาฮู (ซึ่งมีความหลากหลายทางอุดมการณ์แต่ส่วนใหญ่เอียงขวา) กับฝ่ายต่อต้านเนทันยาฮู (ซึ่งมีความหลากหลายมากกว่าเสียอีก แต่ยอมรวมกันเพราะมีศัตรูร่วม)
ปกติพรรคของชาวอาหรับไม่ชอบลิคุด ไม่ชอบไซออนนิสต์ และไม่ได้เป็นรัฐบาล
แต่เมื่อต้นปี 2021 ที่ผ่านมา มันซูร์ อับบาส ผู้นำพรรคราอัมซึ่งมี 4 เสียงได้พาพรรคของเขาแยกตัวออกจากกลุ่มพันธมิตรอาหรับ มาติดต่อเนทันยาฮู เพื่อเสนอการร่วมรัฐบาล
…นี่เป็นการเพิ่มโอกาสให้เนทันยาฮูได้เสียงข้างมาก และยุติวิกฤตการเมืองอิสราเอล
…อับบาสเชื่อว่าถ้าทำแบบนี้จะสามารถเรียกร้องสิทธิให้ชนกลุ่มน้อยอาหรับได้มากกว่า
แต่พันธมิตรอื่นๆ ของเนทันยาฮูนั้นมีพรรคที่มีอุดมการณ์ขวาจัดยิ่งกว่าลิคุดอีก
พวกนี้สนับสนุนนโยบายชาตินิยม มีความเชื่อมโยงกับม๊อบยิวหัวรุนแรงที่เคลื่อนไหวโจมตีชาวอาหรับ และประกาศชัดเจนว่า ยังไงจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพวกอาหรับเด็ดขาด
เนทันยาฮูได้รับเดธไลน์ให้จัดตั้งรัฐบาลให้ได้ในวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่เขาก็ทำไม่สำเร็จ เพราะพันธมิตรมีความหลากหลายเกินไป
นี่เปิดโอกาสให้นายยาอีร์ ลาพิดซึ่งได้คะแนนรองลงมาทำการจัดตั้งรัฐบาลบ้าง
ลาพิดเข้าใจความซับซ้อนของสภาอิสราเอลดี เขาบอกว่ารัฐบาลใหม่ของเขาเปิดรับทั้งพรรคที่มีอุดมการณ์ ขวา ซ้าย และกลาง เรียกว่าเป็นพรรคของทุกๆ คน
นายอับบาสก็เปรยๆ ว่ายินดีร่วมรัฐบาลด้วยตามระเบียบ
ถ้าลาพิดตั้งรัฐบาลได้ จะเป็นการยุติอำนาจของเนทันยาฮูที่ดำเนินมาสิบกว่าปี
…แต่ในช่วงเวลานี้ก็กลับความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ปะทุขึ้นมาพอดี…
…และนายเนทันยาฮูยังมีทีท่าว่าไม่อยากเจรจากับกลุ่มฮามาสอีกด้วย
นายเนทันยาฮูเคยกล่าวก่อนนี้ว่า พรรคฝ่ายซ้ายนั้นดีแต่พูด (ของลาพิดเป็นสายกลาง แต่เพื่อให้แตกต่างจากเนทันยาฮูก็ส่งสารที่เอียงซ้ายมาเรื่อยๆ) แต่ไม่มีความสามารถในการปกครองประเทศผ่านวิกฤตความขัดแย้งจริงๆ
หากอยากให้ประเทศมีความมั่นคง สามารถเอาชนะศัตรูได้ ต้องให้พรรคฝ่ายขวาปกครองเท่านั้น
ปกติในสถานการณ์สงคราม ผู้คนจะไม่อยากเปลี่ยนรัฐบาล เพราะต้องการความมั่นคงของประเทศในการต่อสู้ศึก
เหตุการณ์ความขัดแย้งปาเลสไตน์นี้มีความเกี่ยวข้องกับวิกฤตการเมืองอิสราเอลหรือไม่ หรือจะถูกใช้อย่างไร ยังต้องดูกันต่อ
ความรุนแรงมักจะทำให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น… ความชั่วร้ายมักเป็นอาหารให้กับความชั่วร้ายอื่น…
พ้นจากเรื่องฝ่ายไหนผิด ฝ่ายไหนถูก หรือฝ่ายไหนเริ่มก่อนแล้ว ไม่ว่าอย่างไรรัฐที่ตั้งอยู่บนความขัดแย้ง และความไม่เท่าเทียมกันระหว่างเชื้อชาติศาสนานั้น ก็เหมือนมีระเบิดเวลาฝังอยู่กับตัว
เรื่องราวนี้จะสิ้นสุดที่ใด? จะสร้างความเสียหายอีกเพียงไหน? นี่ล้วนเป็นเรื่องราวที่เราต้องติดตาม…
0 Comment