ในสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่เกิดขึ้นมาเร็วๆ นี้ ได้ทำให้คนๆ หนึ่งกลายมาเป็นจุดสนใจของคนแทบทั้งโลก เขาคือ “โวโลดีมีร์ เซเลนสกี” บางคนบอกว่าเขาเป็นแค่ “ตัวตลก” บางเขาบอกว่าเขาเป็น “วีรบุรุษ” ผู้นำพาประเทศในยามวิกฤต
บทความนี้จะพาท่านไปรู้จักชีวประวัติและนโยบายของประธานาธิบดีผู้นี้นะครับ
ชีวประวัติก่อนเข้าวงการการเมือง
เซเลนสกีเกิดในครอบครัวชาวยิวในนครกรือวึยรีฮ์ (Kryvyi Rih) เมื่อปี 1978 แม้อยู่ในประเทศยูเครน (ขณะนั้นคือสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตยูเครน) แต่เป็นโซนที่พูดรัสเซียกันมาก ดังนั้นภาษาแม่ของเซเลนสกีคือรัสเซีย
พ่อของเขาเป็นอาจารย์วิชาไซเบอร์เนติกส์และคอมพิวเตอร์ ส่วนแม่เป็นวิศวกร ปู่เป็นทหารในกองทัพแดง ส่วนปู่ทวดและพี่น้องปู่อีก 3 คนเสียชีวิตในเหตุการณ์ฮอโลคอสต์
เขาเรียนจบด้านกฎหมายในปี 2000 แต่ไม่ได้ทำงานตรงสาย เพราะเขาไปให้ความสนใจกับวงการบันเทิง โดยเริ่มเข้าแข่งขันในรายการตลกตั้งแต่อายุ 17 ปี (ประมาณปี 1995) จนชนะการแข่งขันระดับประเทศ หลังจากนั้นเขาได้เก็บเกี่ยวความสำเร็จมาเรื่อยๆ จนก่อตั้งสตูดิโอกวาร์ตัล 95 (Kvartal 95) ในปี 1997 ต่อมากลายเป็นสตูดิโอใหญ่ที่สร้างผลงานมากมายให้วงการบันเทิงยูเครน
เซเลนสกียังแสดงภาพยนตร์และพากย์เสียงภาพยนตร์อีกหลายเรื่องระหว่างปี 2008-2017 ในช่วงนั้นเขาได้แสดงนำในซีรีย์ Servant of the People (ผู้รับใช้ประชา) เป็นซีรีย์เสียดสีการเมือง ซึ่งเขารับบทเป็นครูอายุประมาณ 30 กว่าๆ ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดียูเครนหลังออกคลิปด่ารัฐบาลจนกลายเป็นไวรัล ซึ่งซีรีย์นี้ได้รับความนิยมมาก
ท่าทีต่อความขัดแย้งยูเครน-รัสเซียของเซเลนสกีก่อนเข้าวงการการเมืองนั้นเป็นแบบผสม เขาเคยร่วมงานกับทีมงานรัสเซียเรื่อยๆ รวมทั้งยังเคยวิจารณ์กระทรวงวัฒนธรรมยูเครนที่เคยคิดจะสั่งแบนรายการภาษารัสเซีย ในขณะเดียวกันเขาเคยบริจาคเงิน 1 ล้านฮริฟเนีย (ราวๆ 1 ล้านบาท) ให้กองทัพยูเครนจากเรื่องสงครามในดอนบัส ทำให้เกิดกระแสต้านเขาในรัสเซียอยู่ช่วงหนึ่ง
พรรคการเมืองน้องใหม่ สู่การชนะเลือกตั้ง
ในปี 2018 เซเลนสกีร่วมกับทีมงานกวาร์ตัล 95 ก่อตั้งพรรคการเมืองชื่อ “ผู้รับใช้ประชา” (ชื่อเดียวกับซีรีย์) โดยเขาหวังว่าจะนำมืออาชีพและคนที่เหมาะสมเข้าสู่วงการการเมือง
เขาลงรับสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครนในปี 2019 โดยชูนโยบายต่อต้านการคอร์รัปชันของกลุ่มอีลิตเก่า และใช้เวลาหาเสียงเพียง 4 เดือนเท่านั้น วิธีการหาเสียงของเขาหลักๆ จะเป็นการแสดง “เดี่ยวไมโครโฟน” ออนไลน์ เขาไม่พึ่งพาสื่อกระแสหลักนัก เพราะมองว่าเป็นกระบอกเสียงให้กับกลุ่มอีลีต
เปโตร โปโรเชนโก ประธานาธิบดียูเครนในขณะนั้นหาเสียงโดยใส่ไฟว่า รัสเซียจะได้ประโยชน์ถ้าเซเลนสกีได้รับเลือกตั้งประธานาธิบดี …ซึ่งเป็นข้อหาฝักใฝ่รัสเซียนี้เป็นข้อหาที่ค่อนข้างแรงในสถานการณ์สงคราม
เซเลนสกีโปรตะวันตก แต่เมื่อเทียบกับโปโรเชนโกแล้วยังเป็นกลางกว่า ผลการเลือกตั้งปรากฏว่าเขาสามารถเอาชนะโปโรเชนโก ไปได้ 73% ต่อ 25% หรือก็คือ “ขาดลอย” จะเรียกเขาว่าม้ามืดก็ไม่ผิดนัก
สิ่งที่ประชาชนคาดหวังจากเซเลนสกีคือ
1) ต้องการทางออกต่อสงครามในดอนบัส ซึ่งดำเนินมาตั้งแต่ปี 2014
2) แก้ปัญหาคอร์รัปชัน
3) แก้ไขปัญหาค่าครองชีพไม่พอกับรายจ่าย ลดความเหลื่อมล้ำ
4) ปรับนโยบายของรัฐบาลชุดก่อนๆ ที่กดขี่และแบ่งแยกคนกลุ่มต่างๆ ออกจากกัน
เนื่องจากช่วงที่เขาชนะการเลือกตั้งนั้น พรรคของเขายังมีเสียงอยู่น้อยในสภา สิ่งแรกที่เขาทำในตำแหน่งประธานาธิบดีคือประกาศ “ยุบสภา” จัดการเลือกตั้งใหม่ จนพรรคผู้รับใช้ประชาของเขาได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาเป็นครั้งแรกนับแต่ยูเครนประกาศเอกราชจากสหภาพโซเวียต!
มีขึ้นก็มีลง
ความนิยมที่เซเลนสกีได้รับนั้นถือว่าสูงผิดปกติในการเมืองยูเครน อย่างไรก็ตาม ความนิยมของเขาก็ค่อยๆ ลดลงในเวลาต่อมา โดยในเดือนตุลาคม 2020 ความนิยมในตัวเซเลนสกีเคยตกลงไปถึง 24.7% (แต่ยังถือว่าสูงกว่าอดีตประธานาธิบดีอย่างโปโรเชนโกซึ่งตามมาเป็นอันดับ 2)
เซเลนสกีสามารถผ่านมาตรการปราบคอร์รัปชัน โดยผ่านกฎหมายเอาผิดกับข้าราชการที่ร่ำรวยผิดปกติ รวมทั้งการผ่านกฎหมายการปฏิรูปที่ดินเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ อย่างไรก็ตามเนื่องจากไม่ค่อยมีผลงานอื่นให้เห็นมากนักความนิยมในตัวเขาก็ค่อยๆ ลดลง
สาเหตุของการเสื่อมความนิยมในตัวเซเลนสกีมีการวิเคราะห์ไว้หลายสาเหตุประกอบกัน เช่น:
1) ตกเป็นกรณีอื้อฉาวอยู่หลายครั้ง เช่น มีชื่อปรากฏอยู่ในปานามาเปเปอส์ (แปลว่าอาจมีความพยายามเลี่ยงภาษี) หรือการยังมีสายสัมพันธ์กับคนจากกลุ่มอีลีตเก่าซึ่งเป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์ที่จัดรายการเขา
2) เขาถูกกล่าวหาว่าพยายามรวบอำนาจเข้าสู่ตนเองมากขึ้น ด้วยการตั้งคนที่ไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ
3) รัฐมนตรีในคณะรัฐบาลของเขาถูกโจมตีว่ามีความเกี่ยวข้องกับรัสเซีย
4) มีการสั่งปลดนักการเมืองและข้าราชการที่ขัดแย้งกับรัฐบาล
5) การรับมือกับโรคระบาดโควิด-19 ที่ไม่ค่อยดีนัก
สำหรับประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่หลายฝ่ายจับตานั้น จริงๆ เขาได้พยายามเจรจาสันติกับรัสเซียเรื่อยมา โดยในการประชุมสุดยอดนอร์มังดีปี 2019 เขาสามารถต่ออายุข้อตกลงหยุดยิงและแลกเปลี่ยนเชลยศึกกับรัสเซียสำเร็จ
และเรื่องความสัมพันธ์กับนาโต้นั้น นอกจากการเข้าเป็นหุ้นส่วนโอกาสเข้มแข็ง (enhanced opportunity partner) ซึ่งเป็นการส่งเสริมการปฏิบัติการร่วมกันกับนาโต้ในปี 2020 แล้ว ก็ไม่ค่อยมีความคืบหน้ามากนัก
ยูเครนยังไม่ได้รับแผนการเข้าเป็นสมาชิก (Membership Action Plan) จากนาโต้ แม้ว่านาโต้จะอนุมัติมาตั้งแต่ปี 2008 แล้ว …หากจะเปรียบให้เห็นภาพคือ ถ้ายูเครนจะได้เป็นสมาชิกนาโต้ต้อง “สอบให้ผ่าน” ก่อน แต่ยูเครนยัง “ไม่ได้ข้อสอบ” มา 13 ปีแล้ว!
และเอาเข้าจริงการต้องแก้ไขปัญหาภายในประเทศ, ต่อสู้กับกลุ่มอีลิตเก่า, ถ่วงดุลความสัมพันธ์กับชาติมหาอำนาจ, และการป้องกันไม่ให้รัสเซียส่งกองทัพมาบุกไปพร้อมๆ กันนี่ก็เป็นเรื่องที่ยากและน่าเห็นใจเหมือนกัน
“วีรบุรุษ” จำเป็น?
ตั้งแต่เดือน มี.ค. และ เม.ย. 2021 เป็นต้นมา กองทัพรัสเซียเริ่มระดมกำลังติดชายแดนตะวันออกของยูเครน พร้อมกับยื่นร่างสนธิสัญญา 2 ร่าง ซึ่งกำหนดห้ามยูเครนเข้าร่วมนาโต้ และให้นาโต้ลดกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในยุโรปตะวันออก
ในช่วงนั้น แม้จะมีการเตือนจากชาติตะวันตกว่ารัสเซียมีแผนบุกยูเครน แต่เซเลนสกีดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับการรักษาความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจมากกว่า โดยพยายามส่งสารว่าชาติตะวันตกหวาดระแวงไปเอง ขอให้คนมาเที่ยวยูเครนกันเยอะๆ จนดูเหมือนว่ามีความหละหลวมต่อภัยจากรัสเซียด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงคราวจำเป็น เซเลนสกีก็แสดงภาวะผู้นำเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการยืนหยัดต่อสู้อยู่ในกรุงเคียฟ, การไปให้กำลังใจทหารที่แนวหน้า, การสื่อสารกับชาวโลก, และการทำสงครามข่าวสารกับรัสเซียที่ทำได้ค่อนข้างดี
มีผลการสำรวจของกลุ่มในช่วงปลายเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ระบุว่าประชาชนผู้ตอบแบบสำรวจ 70% เชื่อว่ายูเครนจะชนะ และ 91% เห็นชอบกับการกระทำของเซเลนสกี
แม้ว่าจะเป็นโพลในช่วงสงคราม แต่ถ้าเป็นจริงจะเห็นว่าผู้คนที่หวาดกลัวสงคราม สุดท้ายยังเชื่อในตัวเขามาก
บทส่งท้าย
เซเลนสกีเป็นตัวอย่างที่ดีที่ทำให้เราเห็นว่าคนเราต่างก็มีบทบาทที่เหมาะสมกับตนเอง เขาอาจจะเป็นผู้นำในยามสงบที่ “งั้นๆ” แต่ฉายแววโดดเด่นในยามวุ่นวาย
อนาคตของยูเครนยังมีความไม่แน่นอน มีโอกาสแพ้สงครามมากกว่าชนะ แต่สิ่งหนึ่งที่ข้อมูลแวดล้อมบอกก็คือเซเลนสกีไม่ใช่แค่ “ดาวตลกที่เล่นการเมืองไม่เป็น” อย่างที่ถูกปรามาสไว้
0 Comment