เราอาจเคยได้ยินคำว่า “สวนสัตว์มนุษย์” (Human Zoo) ผ่านตาบนโลกออนไลน์กันแล้วบ้าง คำนี้ฟังดูรุนแรง สะเทือนใจ และเป็นข้อกล่าวหาที่หนักหนาสำหรับใครก็ตามที่ถูกโยงเข้ากับสิ่งนี้ โดยเฉพาะในโลกปัจจุบันที่ผู้คนให้ความสำคัญกับ สิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มากขึ้น คำๆ นี้จึงกลายเป็นสิ่งที่กระตุ้นความรู้สึกได้อย่างรุนแรงทันทีที่ถูกเอ่ยถึง

เบื้องหลังของคำว่า “สวนสัตว์มนุษย์” ไม่ได้เป็นเพียงคำเปรียบเปรยแต่มันมีต้นกำเนิดจากประวัติศาสตร์จริง ในยุคหนึ่งที่ มนุษย์ถูกนำมาจัดแสดงต่อสายตาสาธารณชน เหมือนสัตว์ในกรง เพียงเพราะพวกเขาแตกต่างทางเชื้อชาติ วัฒนธรรม หรือถิ่นกำเนิด

บทความนี้จะพาย้อนดูว่า “สวนสัตว์มนุษย์” คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และเรายังควรตั้งคำถามกับมันต่อไปหรือไม่

______________________________________

1. คำว่า “สวนสัตว์มนุษย์” มีที่มาจากแนวปฏิบัติในอดีตที่มีการนำ มนุษย์จากวัฒนธรรมอื่น โดยเฉพาะกลุ่มชนพื้นเมืองหรือผู้ไม่ใช่คนผิวขาว มาแสดงต่อสาธารณชน ในลักษณะคล้ายกับสัตว์ในกรง ไม่ว่าจะในนิทรรศการ งานแสดง หรืองานมหกรรมของรัฐชาติที่แสดงความศิวิไลซ์

2. สิ่งเหล่านี้มักเกิดขึ้นในบริบทของ “ยุคล่าอาณานิคม” ที่ประเทศตะวันตกเริ่มขยายอิทธิพลและอ้างสิทธิ์เหนือผู้คนในดินแดนอันห่างไกล เช่น แอฟริกา เอเชีย และอเมริกาใต้ โดยมองว่าชาติของตนมีวัฒนธรรมสูงส่งกว่าชนพื้นเมืองที่ตนไปทำสงครามและยึดพื้นที่มาได้

3. สวนสัตว์มนุษย์จึงไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือเพื่อความบันเทิงแก่ประชาชนของเจ้าอาณานิคม แต่เป็นเครื่องมือทางอุดมการณ์ที่สะท้อนแนวคิดเรื่อง “ชนชั้นเชื้อชาติ” และ “ความศิวิไลซ์” ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวตะวันตกใช้ในการสร้างความชอบธรรมในการล่าอาณานิคม

4. แม้จะมีร่องรอยของแนวคิด “การจัดแสดงมนุษย์” ในหลายวัฒนธรรมโบราณ แต่สิ่งที่เรียกว่าสวนสัตว์มนุษย์แบบเป็นระบบ เริ่มปรากฏอย่างชัดเจนใน ปลายศตวรรษที่ 19 และ ต้นศตวรรษที่ 20

หนึ่งในจุดเริ่มต้นที่สำคัญคือ นิทรรศการนานาชาติ ที่จัดขึ้นในช่วง ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยเฉพาะในยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยรัฐบาลหรืออภิมหาอำนาจในยุคนั้นต้องการ โชว์ “ความก้าวหน้า” ของประเทศตนเอง ผ่านการจัดแสดงอุตสาหกรรม เทคโนโลยี และ “อารยธรรม”

5. แต่สิ่งหนึ่งที่สะท้อนความก้าวหน้าในลักษณะที่ผิดทิศผิดทาง คือการจัดพื้นที่แสดง “หมู่บ้านของชาวพื้นเมือง” ที่ไม่ใช่เพียงการจำลองบ้านเรือน แต่รวมถึง “การใช้คนจริง” จากแถบแอฟริกา เอเชีย หรือหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก มาใช้ชีวิตจริงในสภาพแวดล้อมจำลอง โดยมีผู้คนจากทั่วทั้งยุโรปมา เดินชมพวกเขาในฐานะ “สิ่งแปลกใหม่”

6. สวนสัตว์มนุษย์เหล่านี้ ผู้จัดไม่ได้เพียงแต่ “จัดแสดงวัฒนธรรม” พวกเขากำกับบทบาทของผู้ถูกแสดงให้ดู “ล้าหลัง ดิบเถื่อน น่าสนใจ” เพื่อสร้างความเปรียบต่างกับความหรูหราและทันสมัยของชาวตะวันตก สิ่งนี้คือการใช้วัฒนธรรมของผู้อื่นเพื่อเสริมภาพลักษณ์ให้ตนเองดูเจริญและมีอารยะ

7. ตัวอย่างเหตุการณ์จริงเกิดขึ้นใน งานแสดงอาณานิคมแห่งปารีส ปี 1931 (Paris Colonial Exhibition 1931) ประเทศฝรั่งเศส โดยจัดขึ้นเพื่อแสดง “ความรุ่งเรือง” ของจักรวรรดิฝรั่งเศสในอาณานิคม มีการสร้าง “หมู่บ้านชนเผ่า” จากแอลจีเรีย มาดากัสการ์ เวียดนาม และอาณานิคมแอฟริกา และใช้ “คนจริงจากอาณานิคม” มาแสดงวิถีชีวิต กินอาหาร ทำงานตามประเพณี เพื่อให้ผู้ชมชาวฝรั่งเศสได้ “รู้จักวัฒนธรรมของผู้คนภายใต้อาณานิคมฝรั่งเศส”

8. หนึ่งในกรณีสวนสัตว์มนุษย์ที่สะเทือนใจที่สุดในประวัติศาสตร์ คือเรื่องของ “โอตา เบงกา” (Ota Benga) ชายหนุ่มชาวพิกมีจากคองโกซึ่งถูกนำมา จัดแสดงที่สวนสัตว์บรองซ์ (Bronx Zoo) ในนิวยอร์ก ปี 1906 โดยถูกขังไว้ในกรงเดียวกับลิงอุรังอุตัง พร้อมป้ายอธิบายว่าเขา “ใกล้เคียงมนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์”

โอตาไม่ได้เต็มใจที่จะมานิวยอร์ก ในตอนยังเล็กเขาสูญเสียครอบครัวจากการสังหารโดยทหารอาณานิคมเบลเยียม และถูกลักพาตัวมาขายให้กับ “นักสำรวจ” อเมริกัน ในฐานะวัตถุศึกษาเพื่อ “แสดงความแตกต่างทางสายพันธุ์มนุษย์”

เขาถูกคนดูหัวเราะ เยาะเย้ย โยนของใส่ จนสุดท้ายต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรีในอเมริกา และจบชีวิตตัวเองด้วยการยิงปืน ฆตต. เมื่ออายุเพียง 32 ปี

เรื่องของโอตา เบงกา กลายเป็นสัญลักษณ์ของ การลดทอนความเป็นมนุษย์ลงเป็นเพียง “สิ่งของแปลกประหลาด” เพื่อความบันเทิงและเชิงวิชาการ โดยไม่คำนึงว่าเขาก็เป็นมนุษย์เฉกเช่นเดียวกับเรา

9. แม้ทุกวันนี้เราจะไม่เห็น “มนุษย์ถูกขังในกรง” ให้คนมาดูเหมือนในอดีตอีกแล้ว แต่แนวคิดแบบสวนสัตว์มนุษย์ยังไม่หายไปไหน มันแค่เปลี่ยนรูปแบบให้ดู ซอฟต์ขึ้น และทันสมัยขึ้น แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมคือ มีคนหนึ่ง “จ้องมอง” และอีกคนหนึ่ง “ถูกจ้องมอง” โดยไม่มีสิทธิมีเสียงของตัวเองที่จะเรียกร้องสิ่งใด

แนวคิดสวนสัตว์มนุษย์สมัยใหม่ จึงขึ้นกับการตีความของแต่ละท่าน ทางที่ดีที่สุดคือการถามความสมัครของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่เพราะเขาคือ “มนุษย์เหมือนกับเรา” ทุกประการ

#TWCHistory #TWCFrance #TWCUSA #TWC_Salmon