ปัจจุบันเรียกได้ว่าแทบทุกตารางนิ้วบนโลกของเราล้วนมีเจ้าของครอบครอง ผ่านประวัติศาสตร์การต่อสู้แย่งชิงมาหลายยุคหลายสมัย คงเหลือแต่ผืนฟ้าอันกว้างใหญ่เกินจินตนาการที่ยังไม่มีใครได้ไป ซึ่งแน่นอนว่าหากมนุษย์มีเทคโนโลยีถึง พวกเขาจะเริ่มแข่งขันกันหาทางครอบครองทรัพยากรในจักรวาลต่อไป

ในยุคสงครามเย็น โซเวียตและอเมริกามีการแข่งขันสำรวจอวกาศอย่างดุเดือด ซึ่งแม้นักบินอวกาศสหรัฐฯ จะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ไปยังดวงจันทร์ได้หลายครั้ง แต่หลังจากภารกิจอพอลโล 17 ในปี 1972 ก็ไม่มีมนุษย์คนใดเคยไปดวงจันทร์อีก

มีเพียงแต่หุ่นยนต์ไปสำรวจเท่านั้น จนกระทั่งในปี 2017 สหรัฐก็ได้ประกาศโปรแกรม “อาร์ธีมิส” ขึ้น เพื่อเตรียมส่งคนไปดวงจันทร์อีกในปี 2024

…คราวนี้มันจะไม่เหมือนเดิม เพราะสหรัฐย่อมมีเหตุผลต้องการบางสิ่งบางอย่างที่เมื่อได้มาแล้วย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้

…และนั่นทำให้เราเล็งเห็นได้ว่า มันอาจจะนำสู่การช่วงชิงครั้งยิ่งใหญ่ หรือ “สงครามดวงดาว” ก็เป็นได้

ไปดูกันครับว่ามันคืออะไร…

*** “อาร์เตมิส” คืออะไร? ***

“โปรแกรมอาร์เตมิส” เป็นโครงการความร่วมมือนานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ เกิดขึ้นหลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เซ็นอนุมัติให้มีการตั้งสภาอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ ขึ้นมาอีกครั้ง โดยมีรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ เป็นประธาน

โครงการนี้มีการวางแผนไว้ในระยะยาว โดยปลายปี 2021 นี้ นาซาจะเริ่มส่งกระสวยอวกาศแบบไร้คนขับขึ้นไปก่อน

ตามมาด้วยการส่งนักบินอวกาศไปดวงจันทร์ภายในปี 2024 ซึ่งวางแผนไว้ว่าจะให้มีนักบินหญิงขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์เป็นคนแรกด้วย ถือเป็นการเตรียมสร้างประวัติศาสตร์

ยานอวกาศที่นาซาจะใช้ในภารกิจนี้ คือยานลูกเรืออเนกประสงค์รุ่น “โอไรออน” ซึ่งเคยพัฒนามาเพื่อ “โครงการหมู่ดาว” (Constellation program) ที่ถูกยกเลิกไปในปี 2010

โดยงานนี้มีบริษัท SpaceX ของ อีลอน มัสก์ วิศวกรและนักธุรกิจดัง มาร่วมพัฒนายานสำหรับลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์ (Moon lander) ด้วย

*** โครงการหมู่ดาว ***

โครงการหมู่ดาวของนาซา ดำเนินการอยู่ในช่วงระยะเวลาปี 2005 – 2010 มีเป้าหมายหลักๆ คือ สร้างสถานีอวกาศนานาชาติให้ลุล่วง และ กลับไปเยือนดวงจันทร์ภายในปี 2020

นอกจากนั้น โครงการหมู่ดาวยังมีเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ด้วยคือ ส่งมนุษย์ไปเยือนดาวอังคาร ทำให้โลโก้ของโครงการนี้เป็นรูปเสี้ยววงกลมสามรูปเรียงกัน เป็นตัวแทนของโลก ดวงจันทร์ และดาวอังคาร

ในการนี้ ทำให้พวกเขาตั้งชื่อตัวขับดันจรวดว่า “เอรีส” อันเป็นชื่อกรีกของ “มาร์ส” ที่หมายถึงดาวอังคาร

อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ไม่ได้รับเงินสนับสนุนที่เพียงพอ…

ประธานาธิบดี บารัก โอบามา กล่าวตั้งแต่รับตำแหน่งใหม่ๆ ว่ามัน “แพงเกินงบ, ล่าช้าเกินกำหนด, และขาดนวัตกรรมใหม่ๆ” ก่อนตัดสินใจยกเลิกโครงการนี้

สหรัฐฯ ไม่มีแผนไปดวงจันทร์หรือดาวอังคารอีก จนกระทั่งเกิดโคงการอาร์เตมิสขึ้น

*** เป้าหมายของอาร์เตมิส ***

นาซาระบุว่า เป้าหมายของอาร์เตมิสคือการสำรวจพื้นผิวดวงจันทร์ โดยอาศัยทั้งนักบินอวกาศและหุ่นยนต์ในการทำหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งจะส่งคนลงไปยังดวงจันทร์ฝั่งขั้วโลกใต้ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง

นอกจากนั้นยังมีเป้าหมายดังต่อไปนี้…

– หาแหล่งน้ำและทรัพยากรสำคัญอื่นๆ ที่จำเป็นในการสำรวจระยะยาว
– ตรวจสอบเรื่องที่ยังไม่เคยทราบเกี่ยวกับพระจันทร์ เพื่อเรียนรู้โลกของเราและจักรวาล
– เรียนรู้การใช้ชีวิตและปฏิบัติงานบนพื้นผิวดาวอื่นที่ห่างออกไปจากโลกเรา 3 วัน
– ทดสอบเทคโนโลยีต่างๆ ก่อนจะส่งคนไปดาวอังคาร ซึ่งใช้เวลาไปกลับรวม 3 ปี

ครับ เป้าหมายของอาร์เตมิสคือส่งคนไปสำรวจพื้นผิวดวงจันทร์ และประเมินการตั้งฐานขึ้น

…แต่แน่นอนว่าอย่างอเมริกา จะลงทุนทั้งทีคงมีความคิดอะไรอีก…

*** จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ขออะไรได้บ้าง? ***

เรารู้ว่าบนดวงจันทร์มีน้ำ เพราะมีการสำรวจพบน้ำแข็งมาก่อน แต่นอกจากน้ำ ดวงจันทร์ยังเต็มไปด้วยแร่มากมาย เช่น แร่เหล็ก, ไทเทเนียม, อลูมิเนียม, ซิลิกอน ฯลฯ

ดวงจันทร์ยังมีแร่หายากเช่น รีโกลิธ (Regolith) ที่สามารถนำไปก่อสร้างสิ่งต่างๆ ได้เหมือนปูนซีเมนต์ ก่อเป็นอิฐบล็อค หรือเทพื้นถนนก็ได้ และหากได้รับความร้อนในระดับที่เหมาะสม ก็จะกลายเป็นเซรามิก

แร่แรร์เอิร์ธสำคัญอีกอย่างบนดวงจันทร์คือ “ฮีเลียม-3” ซึ่งคะเนแล้วมีอยู่เป็นล้านตันบนพื้นผิวดวงจันทร์

เจ้าแร่ฮีเลียม-3 นี้ สามารถนำมาตรวจจับนิวตรอน, ใช้ช่วยวางแผนรักษาโรคต่างๆ เช่นถุงลมโป่งพองหรือโรคหอบหืด

ข้อสำคัญคือ มันนำมาปั่นพลังงานนิวเคลียร์ในระดับที่เพียงเล็กน้อยก็ให้พลังงานทั้งประเทศได้ ซึ่งอาจเป็นพลังงานทางเลือกใหม่แทนน้ำมันได้อีกด้วย!