ในช่วงไม่นานผ่านมานี้ จีนได้ดำเนินการจัดระเบียบหลายภาคส่วนของประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรม โดยออกกฎข้อบังคับใหม่ๆ มากมาย เช่น ห้ามศิลปินชายหน้าหวาน, ห้ามเด็กไว้ผมยาว, ห้ามเล่นเกมเกินสัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง, ห้ามลงเนื้อหาที่เอนเอียงเข้าญี่ปุ่น ฯลฯ

จากรายงานของสำนักข่าวต่างๆ การจัดระเบียบกล่าวส่งผลให้หุ้นจีนดิ่งวูบ เพราะนักลงทุนเกรงความไม่แน่นอนของสังคมจีนว่าจะมีข้อห้ามอะไรอีกหรือไม่

เราจะไปดูรายละเอียดการจัดระเบียบครั้งนี้เป็นอย่างไรไปแล้วบ้างด้วยกันนะครับ โดยจะเน้นหลักๆ ที่ด้านบันเทิงและการศึกษา ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้…

แผนจัดระเบียบธุรกิจ 5 ปี

แผนพัฒนาธุรกิจของชาติระยะเวลา 5 ปี (2021 – 2025) ได้มีการเผยออกมาจากคณะกรรมาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนในช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เป้าหมายหลักคือเสริมสร้างความมั่นคงแก่ชาติ

ทั้งนี้มีการเตรียมออกกฎหมายเพิ่มเติมเพื่อช่วยผลักดันนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น AI, big data รวมทั้งขจัดอิทธิพลของต่างประเทศออกไปและหันมาสร้างเสริมความชาตินิยม ให้อยู่ในการดูแลของรัฐบาลจีน เพื่อเน้นความยั่งยืนในการทำเศรษฐกิจระยะยาว

ในการนี้ จีนได้ปราบปรามบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของเอกชนอย่าง Alibaba, Tencent, NetEase ฯลฯ เพื่อคุมอำนาจไม่ให้เข้ามามีอิทธิพลเหนือประเทศ

จีนสั่งปรับอาลีบาบาไป 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ข้อหาประพฤติตนผูกขาดธุรกิจ …ซึ่งมีแนวโน้มว่าบริษัทเอกชนเจ้าอื่นๆ ก็จะโดนลงโทษในไม่ช้าเช่นกัน

การจัดระเบียบสิ่งบันเทิง

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดาราจีนหลายคนถูกลบหายไปจากหน้าอินเตอร์เน็ต จากข้อหา “ประพฤติตัวมิชอบ”

ยกตัวอย่างเคสของดาราจีนที่คนไทยน่าจะรู้จักกันดีคือ “เจ้าเหว่ย” จากเรื่อง “องค์หญิงกำมะลอ” ซึ่งเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์จากการสวมชุดลายธงญี่ปุ่นในยุคสงครามโลก และตามข่าวบอกว่าเธออาจทำธุรกิจผิดกฎหมาย แต่ไม่มีใครรู้สาเหตุแท้จริงแน่ชัด เพราะจีนได้แบนหัวข้อการพูด และผลงานของเธอไปจากหน้าอินเตอร์เน็ตแล้ว

ดาราอีกคนที่ถูกแบนแบบลบออกจากจีนในเวลาไล่เลี่ยกันคือ “จาง เจ๋อฮั่น” ซึ่งไปเที่ยวศาลเจ้ายาสุกุนิ และร่วมงานแต่งงานยังศาลเจ้าโนกิที่ญี่ปุ่น ซึ่งทั้งสองแห่งมีการฝังศพของทหารช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่เคยมาบุกรุกเมืองจีน เข่นฆ่าชาวบ้านไปเป็นอันมาก

แม้เจ้าตัวจะออกมาขอโทษในความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ก็โดนกระแสแอนตี้ถล่ม และโดนทางการจีนลงโทษในตอนท้ายอยู่ดี

นอกจากนี้ ทางสำนักข่าวซินหัวได้รายงานว่า จีนยังมีการวางแผนแบน “ชายหน้าหวานที่ดูไม่แมนพอ” หรือไอดอลจากกลุ่มบอยแบนด์ต่างๆ ที่แต่งหน้าแต่งตัว เพราะ “ทำตัวไม่สมชาย, เสริมสร้างวัฒนธรรมผิดๆ” ซึ่งก่อนหน้านี้ในปี 2019 จีนเคยเบลอภาพดาราชายใส่ตุ้มหูหรือรวบผมยาว และมีรอยสักมาก่อน

…หากมีการบังคับใช้กฎนี้ จะทำให้วงการบันเทิงจีนเสียหายไม่น้อย อาจไม่สามารถผลิตรายการชื่อดังเช่น Youth With You หรือ Produce 101 ได้อีกด้วย

แม้กระทั่งวงการนักเขียนเองก็ยังโดนจัดระเบียบ โดยทางสมาคมนักเขียนแห่งประเทศจีนออกแนวทางปฏิบัติเน้นให้นักเขียนสร้างงานที่มุ่งเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง และจะมีการตักเตือนและอบรมนักเขียนอีกด้วย

…ตรงจุดนี้เองทำให้มีผู้นำมาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ “ปฏิวัติวัฒนธรรม” ที่งานศิลปะแขนงต่างๆ ถูกแบนอย่างหนัก จนมรดกจีนหลายอย่างหายไป

การจัดระเบียบการศึกษา

ธุรกิจการศึกษาของเอกชนจำพวกโรงเรียนกวดวิชา ก็เป็นอีกหนึ่งภาคส่วนที่ทำรายได้มาก ในปี 2020 ทำเงินไป 400 พันล้านหยวน จึงไม่พ้นจะโดนรัฐบาลจีนจัดระเบียบ

เริ่มจากการแบนโรงเรียนสอนพิเศษ และไม่อนุมัติให้มีการตั้งโรงเรียนกวดวิชาใหม่ขึ้นอีก ซึ่งรวมไปถึงการเรียนเสริมในระบบออนไลน์ด้วย

โดย สี จิ้นผิง ได้หารือกับรัฐบาลในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมว่า เขาต้องการลดภาระของนักเรียนที่มีทั้งการบ้านและการเรียนพิเศษหลังเลิกเรียน..

อาทิตย์ที่ผ่านมา จีนได้ยกเลิกการสอบข้อเขียนสำหรับเด็กอายุ 6 – 7 ปี เพราะการสอบแบบเก่าที่มีตั้งแต่เข้าเรียนยาวไปถึงมหาวิทยาลัยนั้นสร้างความเครียดทั้งกายและใจให้กับเด็ก

แม้การสอบจะยังจำเป็น แต่เนื่องจากโรงเรียนไม่มีมาตรฐาน บางแห่งสอบเยอะจนสร้างปัญหา จึงต้องได้รับการจัดระเบียบ

…กฎระบุให้ระดับประถมสอบได้เพียงปลายเทอม ส่วนข้อสอบมิดเทอมจะมีในชั้นมัธยม ห้ามจัดสิบรายอาทิตย์, รายบท, รายเดือน ฯลฯ

เพื่อให้การศึกษาของประเทศเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทางการจีนได้ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาใหม่ เพิ่มวิชา “แนวคิดสิบสี่ประการของประธานสี” พร้อมเสริมสร้างความเป็นชาตินิยม ให้นักเรียนรักพรรคคอมมิวนิสต์, ประเทศชาติ, และระบบสังคมนิยม

นอกจากนั้นยังมีการออกข้อบังคับให้นักเรียนทั้งชายหญิงต้องตัดผมสั้นมาโรงเรียน จากที่เคยยกเลิกไปเกือบ 20 ปี ซึ่งผู้ปกครองบางส่วนก็ไม่ได้พอใจนัก แต่ทำอะไรมากไม่ได้

ทั้งนี้ จีนยังได้ออกกฎจำกัดเวลาเล่นเกมของเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ให้เหลือเพียง 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และเล่นได้เฉพาะวันหยุด จากที่เคยอนุญาตให้เล่นวันละชั่วโมงครึ่ง

…โดยอ้างว่าเป็นการช่วยให้เด็กไม่ติดเกม และมีสุขภาพจิตที่ดี

ด้วยเหตุนี้ทำให้หุ้นที่เกี่ยวกับเกมตกลงเกือบ 10%

นักวิเคราะห์หลายคนคาดการว่า เป้าหมายที่แท้จริงของการห้ามเล่นเกม อาจเป็นความพยายามจำกัดการเติบโตของอุตสาหกรรมเกม ซึ่งทำรายได้ไป 278.7 พันล้านหยวนในปี 2020 ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าทำไปเพื่อเด็กนั่นเอง

แนวโน้มในอนาคต

ตามที่กล่าวไปในตอนต้นว่า การจัดระเบียบจะดำเนินไปอย่างน้อยเป็นเวลา 5 ปี ตามแผนพัฒนาธุรกิจของชาติ 2021 – 2025 ดังนั้นกฎข้อบังคับต่างๆ ในประเทศจีนต่อจากนี้คงจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เพื่อควบคุมทั้งเศรษฐกิจและสังคมให้อยู่ในแนวทางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ถึงจุดหนึ่ง แนวทางนี้อาจกลายเป็นการปฏิวัติวัฒนธรรมรอบใหม่อย่างที่คนกลัวกัน ซึ่งมีสิทธิจะทำให้การลงทุนในจีนน้อยลงไปอีก จนอาจส่งผลกระทบในหลายภาคส่วนได้

แต่ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็ได้แสดงให้เห็นชัดว่า เพราะการปฏิรูปเศรษฐกิจเป็นทุนนิยมของเติ้งเสี่ยวผิง ที่เป็นผู้นำประเทศหลังยุคปฏิวัติฯ ต่างหาก ทำให้จีนเจริญรุ่งเรืองเป็นมหาอำนาจของโลกในปัจจุบัน

…รัฐบาลจีนตอนนี้ก็คงต้องชั่งน้ำหนักดูให้ดีๆ ว่าจะปิดกั้นสื่อและคุมธุรกิจมาไว้ในมือ หรือจะผ่อนคลายมาตรการลงให้ธุรกิจกลับมาโลดแล่นได้อีกครั้ง