ในการไปอิหร่านรอบนี้ ผมได้ไปเยือน “อดีตสถานทูตอเมริกา” ด้วย เนื่องจากอิหร่านยุคพระเจ้าชาห์เคยเป็นรัฐบริวารสำคัญของอเมริกา สถานทูตจึงมีขนาดใหญ่โตกว้างขวาง

ต่อมาอิหร่านมีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 1979 พวกนักศึกษา (ที่อยู่ฝ่ายปฏิวัติ) ตำหนิว่าอเมริกาเคยชักใยรัฐบาลพระเจ้าชาห์ ทั้งครอบงำ และดูดทรัพยากรของอิหร่าน จึงพากันบุกเข้าทำลายสถานทูตอเมริกา ทำให้ประเทศอิหร่านเปลี่ยนฝ่ายแบบพลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้า กลายเป็นศัตรูใหญ่ของอเมริกานับแต่นั้น

ปัจจุบันอิหร่านเปลี่ยนอดีตสถานทูตแห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ “เพื่อเผยแพร่ความชั่วของอเมริกา” เดินเข้าไปในที่แห่งนี้สิ่งแรกที่ได้เห็น คือธงอเมริกาถูกแขวนกลับหัวและฉีกขาดเป็นริ้วๆ

จากนั้นยังมีรูปแกะสลักเท้าเหยียบธงอเมริกา ภายในมีป้ายโปรปากันดาด่าอเมริกาอยู่เต็มไปหมด นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งอดีตที่นั่งทูต ให้มีธงอเมริกาแขวนอยู่คู่กับธง ISIS นับเป็นสารที่แรงมาก

Narrative ของอิหร่านคืออเมริกาลอบสนับสนุนพวก ISIS และกองกำลังที่ชั่วร้ายอื่นๆ ให้บ่อนทำลายตะวันออกกลาง และศาสนาอิสลาม ซึ่งผู้นำนานาประเทศอาหรับสุหนี่นั้นเห็นแก่ผลประโยชน์ก็ไปสวามิภักดิ์ มีเพียงอิหร่านยังยืนหยัดต่อสู้กับอเมริกา (และอิสราเอล) อย่างกล้าหาญ ตลอดสี่สิบปีที่ผ่านมา รบจริง เจ็บจริง ตายจริง ถูกคว่ำบาตรอย่างโหด พบความสูญเสียไม่นับได้ แต่ก็ยังต่อสู้อยู่

Narrative นี้ย่อมเป็นโฆษณาชวนเชื่อเช่นกัน (เรื่องทั้งสองฝ่ายทำโฆษณาชวนเชื่อใส่กันอย่างไร และหลักฐานชั้นต้นเป็นอย่างไรนั้น อ่านเพิ่มในหนังสือประวัติย่อก่อการร้าย และสุริยันพันธุ์เคิร์ดที่ผมเคยเขียนได้นะครับ) กระนั้นการเข้าไปดูอดีตสถานทูตก็ทำให้เห็นอะไรหลายอย่างที่ทำให้เชื่อว่าอเมริกาเคยชักใยอิหร่านจริง เดี๋ยวจะมาเขียนละเอียดๆ น่าสนใจมากครับ