ภาพวาดโบราณนี้เป็นภาพยีราฟที่กำลังถูกจูงโดยชาวจีน หากมองผิวเผินก็ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่เมื่อลองสังเกตดี ๆ ทำไมถึงมียีราฟอยู่ในประเทศจีนได้ล่ะ?
ในเมื่อต้นกำเนิดของยีราฟอยู่ที่ “ทวีปแอฟริกา”
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในสมัยของจักรพรรดิหย่งเล่อ (1402 – 1424) แห่งราชวงศ์หมิง บุคคลอันเป็นที่รู้จักในนามของกษัตริย์ผู้สร้าง “พระราชวังต้องห้าม” ที่ยิ่งใหญ่และเป็นมรดกโลกอันทรงคุณค่าของประเทศจีน
นอกจากการสร้างวังแล้วยังมีอีกหนึ่งพระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระองค์นั่นก็คือ สั่งให้จัดสร้างเรือ “เป่าฉวน” หรือที่เรียกว่า เรือมหาสมบัติ สำหรับออกไปสำรวจผืนแผ่นดินอื่น
จักรพรรดิหย่งเล่อได้แต่งตั้งให้ “เจิ้งเหอ” ขันทีคนสนิทของพระองค์เป็นนายกองเรือนำเดินทางออกสำรวจในปี 1405 หรือเมื่อ 600 กว่าปีก่อน โดยการออกเดินทางเกิดขึ้นทั้งหมด 7 ครั้งเป็นเวลา 28 ปี หนึ่งในการเดินทางครั้งนั้นเจิ้งเหอได้นำกองเรือออกเดินทางสำรวจไปถึงทวีปแอฟริกา ซึ่งบริเวณพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ของเมืองมาลินดี (Malindi) ปัจจุบันคือส่วนหนึ่งของประเทศเคนย่า
จากการเจริญสัมพันธไมตรี ทูตของมาลินดีได้มอบของขวัญอย่างหนึ่งที่ค่อนข้างจะใหญ่นั่นก็คือ ‘ยีราฟ’ ให้กับเจิ้งเหอเอาขึ้นเรือเอากลับจีนไปด้วย เมื่อคณะสำรวจกลับมาถึงก็ได้ถวายยีราฟให้กับจักรพรรดิหยงเล่อ ประกอบกับที่พระองค์ชื่นชอบรับสัตว์แปลก ๆ มาเลี้ยงอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้าพระองค์ได้รับช้างกับแรดมาจากจามปา นกแก้วกับนกยูงจากชวา และหมีจากสยามมาเลี้ยง
เนื่องจากไม่มีใครเคยเห็นยีราฟมาก่อนทั้งตัวสูง คอยาว โดยเฉพาะ “เขา” สองอันบนหัวของยีราฟจึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ายีราฟเป็นสัตว์ในเทพนิยายของจีนอย่าง “กิเลน” และยังเป็นสัญลักษณ์ของความมงคล ความมั่นคงและวาสนา
เมื่อยีราฟปรากฏในแผ่นดินจีนจักรพรรดิหยงเล่อทรงพอพระทัยมาก เพราะถือว่าเป็นการสร้างความมงคลให้กับพระองค์และแผ่นดินจีนด้วย พระองค์จึงขอให้คนในพระราชสำนักวาดภาพเก็บเอาไว้จนกลายเป็นภาพที่เราได้เห็นในปัจจุบันนี้
0 Comment