หลายคนอาจคุ้นเคยกับชื่อของ “กุบไลข่าน” ผู้พิชิตจีนทั้งแผ่นดินและสถาปนาราชวงศ์หยวนขึ้น ทว่าการก้าวสู่อำนาจของกุบไลข่านนั้นไม่ได้เรียบง่ายนัก เพราะเขาต้องแย่งชิงราชบัลลังก์กับ “น้องชายร่วมสายโลหิต”ของตนเอง ในเหตุการณ์ที่เรียกว่า “สงครามกลางเมืองโตลุยอิด” วันนี้ The Wild Chronicles จะพาไปดูเรื่องราวเหล่านั้นกันครับ

สงครามกลางเมืองโตลุยอิด เป็นสงครามแย่งชิงบัลลังก์มหาข่าน (ผู้นำสูงสุดของจักรวรรดิมองโกล) ระหว่าง “กุบไล” พี่ชายคนรอง และ “อาริคโบเค” น้องชายคนสุดท้องของครอบครัวสายตระกูลโตลุย (สายของบุตรชายคนที่ 4 ของเจงกิสข่าน)

เรื่องราวเริ่มขึ้นหลังจากที่มองเคข่าน (พี่ชายคนโต) เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน และไม่ได้มีการประกาศผู้สืบทอด ส่งผลให้อำนาจการขึ้นครองบัลลังก์ ตกอยู่ในแคนดิเดตอย่างน้องชายของเขาคือ กุบไล, ฮูเลกู และ อาริคโบเค

อาริคโบเคเห็นจังหวะชุลมุนหลังการเสียชีวิตของมองเคข่าน เขาจึงเรียกประชุมคูรินไตที่เมืองคาราโครัม เพื่อรวบรวมพันธมิตรให้รับรองเขาในฐานะมหาข่าน ซึ่งมีผู้สนับสนุนหลายฝ่าย เช่น เบอร์เก้ (ข่านแห่งจักรวรรดิโกลเดนฮอร์ด), อัลกู (ข่านแห่งจักรวรรดิชากาไต) รวมถึงผู้สนับสนุนจากสายโอเกไดข่านและมองเคข่าน

…กลายเป็นว่าอาริคโบเคมีพันธมิตรครบทุกสาย แถมอ้างสิทธิ์ที่เมืองหลวงของจักรวรรดิมองโกล เรียกว่าพร้อมมากที่จะขึ้นเป็นมหาข่าน…

ฝ่ายกุบไลที่ขณะนั้นกำลังตบตีกับราชวงศ์ซ่งใต้ของจีน เมื่อได้ยินข่าวน้องรักอยากเป็นใหญ่ เขาก็ไม่พอใจอย่างแรง จึงสั่งถอยทัพกลับไปที่ชางตูทันที เพื่อเตรียมรบแย่งชิงบัลลังก์กับอาริคโบเค

จากนั้นกุบไลทำการเรียกประชุมคูรินไต ณ ที่นี่ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการเรียกประชุมนอกแผ่นดินมองโกเลีย เพื่อประกาศตนเองเป็นแคนดิเดตแห่งมหาข่าน ซึ่งก็มีพันธมิตรหลายฝ่ายจากสายตระกูลต่างๆ เช่นกัน ส่งผลให้ช่วงเวลานี้มีผู้ประกาศตนอ้างสิทธิ์เป็นมหาข่านพร้อมกันถึง 2 คน

เมื่อการประกาศความชอบธรรมเสร็จสิ้น กุบไลจึงรวบรวมผู้คนด้วยการให้ที่ปรึกษาชาวจีนข้างกายไปเกลี่ยกล่อมประชาชนในพื้นที่ รวมถึงสัญญาว่าลดภาษี สร้างสถาบันปกครองให้เป็นแบบจีน ด้วยเหตุนี้กุบไลจึงได้รับการสนับสนุนจากชาวจีนอย่างมาก

เขาจึงสามารถสร้างกองทัพอันมหาศาลของตนเอง และเข้าถึงเสบียงอันอุดมสมบูรณ์ของจีน นำไปสู่การได้เปรียบในการรบอย่างมาก

…และเมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็ยกทัพไปกระทืบน้องชายทันที…

กุบไลทำการล้อมเส้นทางขนส่งเสบียงของอาริคโบเคจนเกลี้ยง จากนั้นค่อยๆ ทำศึกไปเรื่อย จนสามารถยึดคาราโครัมได้สำเร็จ และทำให้อาริคโบเคต้องล่าถอยขึ้นไปทางตอนเหนือของมองโกเลีย

…ด้วยเหตุนี้พื้นที่ของมองโกเลียในเวลานี้ จึงถูกครอบครองโดยกุบไล…

อาริคโบเคที่สิ้นไร้หนทางอย่างมาก เขาจึงขอความช่วยเหลือไปยังอัลกูแห่งจักรวรรดิชากาไต แต่อัลกูกลับปฏิเสธ แถมฆ่าทูตของอาริคโบเคทิ้งด้วย

แต่สวรรค์ยังเข้าข้าง! เพราะเกิดกบฏขึ้นในจีน ส่งผลให้กุบไลจำเป็นต้องกลับไปยังชางตู เพื่อจัดการปัญหาเหล่านั้นเสียก่อน

อาริคโบเคจึงอาศัยจังหวะนี้ยกกองทัพที่มีไปทะเลาะกับ อัลกู (หนอยแน่! เจ้ามิตรทรยศ) ซึ่งก็สูญเสียกำลังพลไปค่อนข้างเยอะ แต่ก็ได้รับเมืองสำคัญอย่างอัลมาลิกมา

อย่างไรก็ดี ตอนนี้ตัวอาริคโบเคที่ไร้พันธมิตร อีกทั้งแพ้ศึกให้กับกุบไลอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้สนับสนุนหลายคนถอนตัวจากการเป็นพันธมิตร รวมถึง “อูรุงทาช” บุตรชายของมองเคข่านที่แปรพักต์ และลักลอบนำตราประทับตำแหน่งมหาข่านมาให้กุบไล เพื่อแสดงความจงรักภักดี นอกจากนี้เมืองสำคัญที่อาริคโบเคพึ่งได้มาอย่างอัลมาลิก เขาก็ถูกอัลกูมาตบและยึดคืนไปอีก!

…ณ เวลานี้อาริคโบเคสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง เขาจึงเดินทางไปยังชางตูเพียงลำพัง และยอมจำนนต่อกุบไลในปี 1264 ซึ่งถือเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามกลางเมืองโตลุยอิด…

กุบไลประกาศตนขึ้นเป็นมหาข่านแห่งจักรวรรดิมองโกลอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งกุบไลข่านยังสั่งตัดสินประหารชีวิตคนฝ่ายอาริคโบเคเกลี้ยงไปทั้งหมด เหลือไว้แค่น้องชายสุดที่รักคนเดียวเท่านั้น แต่ถูกคุมขังและสั่งห้ามไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก

สุดท้ายอาริค โบเคก็เสียชีวิตลงแบบงงๆ ในปี 1266 ซึ่งก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างบอกว่า “เขาถูกวางยาพิษ” ส่วนผู้ร้ายก็ไม่ใช่คนอื่นใด คาดว่าเป็นกุบไลข่านนั่นแหละ

…เป็นอันสิ้นสุดสงครามพี่น้องร่วมสายเลือดอันแสนยาวนาน…

:::: :::: :::: ::::
หลายคนอาจจะสงสัยในส่วนของฮูเลกู (บุตรคนที่ 3 แห่งครอบครัวนี้) หายไปไหน? ตอนนั้นเขาเป็นข่านแห่งจักรวรรดิอิลคาเนต ซึ่งเขานั้นสนับสนุนกุบไลขึ้นครองตำแหน่งมหาข่าน และกำลังเดินทางไปยังมองโกเลีย

แต่ทว่ากองทัพของเขากลับพ่ายแพ้ต่อจักรวรรดิมัมลุคแห่งอียิปต์ อีกทั้งยังถูกรุกรานจากจักรวรรดิโกลเดนฮอร์ดที่นำโดยเบอร์เก้ ส่งผลให้เขาจำเป็นต้องเลี้ยวหัวกลับไปที่ดินแดนของตนเอง

กลายเป็นว่าพันธมิตรของกุบไลอย่าง ฮูเลกู และพันธมิตรของอาริคโบเคอย่าง เบอร์เก้ ติดพันการต่อสู้ในดินแดนของตนเอง ส่งผลให้ไม่สามารถมาแทรกแซงสงครามกลางเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในมองโกเลียได้อีกเลย

และเมื่อกุบไลข่านเรียกประชุมคูรินไตอีกครั้งหลังจบสงครามกลางเมืองโตลุยอิด เพื่อยืนยันสถานะความเป็นมหาข่านของเขา กลับไม่มีข่านอีก 3 จักรวรรดิเข้าร่วมเลย เนื่องจากเบอร์เก้และฮูเลกูยังทะเลาะตบตีกันอย่างต่อเนื่อง ส่วนข่านจากชากาไตก็ไม่ใช่พรรคพวกของกุบไลข่านอยู่แล้ว

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความแตกแยกของจักรวรรดิมองโกลในภาพรวม ซึ่งแต่ละจักรวรรดิมีอำนาจการปกครองเป็นของตนเอง อีกทั้งยังรบพุ่งกันเอง และไม่ขึ้นตรงต่อมหาข่านอีกต่อไป!

…ส่งผลให้จักรวรรดิมองโกลถูกแบ่งแยกออกเป็น 4 ส่วนโดยสมบูรณ์ ภายใต้การปกครองของบรรดาลูกหลานของเจงกิสข่านนั่นเอง…

#TWCHistory #TWCome