…มีเรือมาที่อ่าว 4 ลำ ปล่อยควันดำพวยพุ่ง และแล่นได้เอง… นี่คือสิ่งที่น่าหวาดกลัวสำหรับชาวญี่ปุ่นในปี 1853
หลังจากปิดประเทศมา 200 ปีเนื่องจากเกรงอิทธิพลจากศาสนาคริสต์ ในที่สุดญี่ปุ่นก็มีเหตุให้ต้องยกเลิกนโยบายดังกล่าว
“เรือดำ” 4 ลำนั้นเป็นเรือของสหรัฐ นำโดยพลเรือจัตวา แมทธิว เพอร์รี เขาได้รับคำสั่งจากประธานาธิบดีมิลลาร์ด ฟิลมอร์ให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศค้าขายกับสหรัฐ และให้ใช้กำลังได้หากจำเป็น
สาเหตุที่สหรัฐต้องการเช่นนั้นมีทั้งปัจจัยเรื่องการค้าที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐกับจีน และการผูกขาดสถานีถ่านหินของชาติยุโรปในเอเชีย ในช่วงนี้สหรัฐยังมีลูกเรือล่าวาฬนอกชายฝั่งญี่ปุ่นมากขึ้น และกะลาสีเรือแตกชาวต่างชาติในญี่ปุ่นมักถูกจับขังหรือประหารชีวิต ทำให้มีการเรียกร้องให้รับรองความปลอดภัยของบุคคลเหล่านี้ด้วย
เพอร์รีมาถึงอ่าวเอโดะ และปฏิเสธคำขอที่จะให้ย้ายไปนางาซากิ เขาขู่ว่าจะแล่นเรือไปยังเอโดะและจะเผาเมืองให้ราบหากไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นฝั่ง สุดท้ายญี่ปุ่นยอม เพอร์รีขึ้นฝั่งเพื่อมอบจดหมายและจากไป
ในปี 1854 เพอร์รีกลับมาพร้อมกับเรือดำ 8 ลำเพื่อแสดงแสนยานุภาพ พร้อมประกาศว่าจะอยู่จนกว่าจะมีการเซ็นสนธิสัญญา หลังเจรจากันได้เดือนหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายตกลง “สนธิสัญญาสันติภาพและสัมพันธไมตรี” สถาปนาความสัมพันธ์ทางทูตระหว่างกัน มีการตั้งทาวน์เซนด์ แฮริสเป็นกงสุลคนแรก
การพบปะครั้งนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ต่อมาจะมีชาติตะวันตกเรียงแถวเข้ามาเซ็นสัญญาไม่เป็นธรรมด้วย สิ่งนี้ทำให้โชกุนโทกูงาวะดูอ่อนแอ สุดท้ายนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การปฏิวัติเมจิและการปฏิวัติอุตสาหกรรมในญี่ปุ่นต่อไป…
#TWCHistory #TWCJapan #TWC_Cheeze
0 Comment