“หล่มเลบานอน” ของอิสราเอล
ในช่วงหลังมีข่าวอิสราเอลเตรียมสั่งบุกเลบานอนเพื่อกวาดล้างกลุ่ม “ฮิซบุลเลาะห์” ที่ยิงจรวดข้ามชายแดนมาโจมตีอยู่เรื่อยๆ ที่กลายเป็นที่จับตามองเพราะอาจทำให้สงครามอิสราเอล-กาซาขยายวง และมีแบ็กอย่างสหรัฐและอิหร่านเข้ามาเอี่ยวด้วย
ความเป็นไปได้ที่ว่าอิสราเอลอาจเปิดศึกกับประเทศเพื่อนบ้านแม้ฟังดูเป็นเรื่องใหญ่ แต่จริงๆ อิสราเอลก็เคยทำสงครามกับเลบานอนมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว และเคยบุกเข้าไปหมายกวาดล้างกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ให้สิ้นซากคล้ายๆ กับ “ฮามาส” ในฉนวนกาซานี่แหละ แต่ก็ไม่อาจเผด็จศึกได้ ต้องกลับมาแบบมือเปล่าแถมฮิซบุลเลาะห์ก็กลับมามีอำนาจและคอยทิ่มแทงอิสราเอลอยู่เรื่อยมา
ความเป็นมาและบทเรียนของ “หล่มเลบานอน” สำหรับอิสราเอลเป็นอย่างไร? มาติดตามในโพสต์นี้กันครับ
เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจประเทศเลบานอนก่อน เลบานอนเป็นประเทศที่ได้รับเอกราชจาก “อาณัติฝรั่งเศส” (ซึ่งได้ไปครอบครองหลังสงครามโลกครั้งที่ 1) เมื่อปี 1943 (5 ปีก่อนเกิดประเทศอิสราเอล) เลบานอนเป็นประเทศที่มีความพิเศษเพราะมีประชากรหลายเชื้อชาติกับศาสนาที่มีสัดส่วนพอๆ กัน ดังนั้นจึงมีข้อตกลงจัดสรรอำนาจโดยล็อกตำแหน่งให้กับคนแต่ละเชื้อชาติกับศาสนาให้ได้สัดส่วนกับประชากร
ในปี 1948 เกิดสงครามอาหรับ-อิสราเอลครั้งที่ 1 เลบานอนเป็นชาติหนึ่งที่ร่วมมือกับชาติอาหรับบุกอิสราเอลด้วยแต่ไม่ได้มีบทบาทมากนัก หลังการหยุดยิงในปี 1949 อิสราเอลได้ถอนกำลังออกไปจากเส้นเขตแดนนานาชาติ
หลังสงครามมีผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์อพยพเข้ามาในเลบานอนราว 1 แสนคน ประชากรเลบานอนซึ่งส่วนใหญ่เป็นคริสเตียนมองว่าจำนวนมุสลิมที่อพยพเข้ามาเพิ่มขึ้นจะกลายมาเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ จึงหาทางกีดกันโดยไม่ให้สัญชาติ, ไม่ให้งาน, จำกัดการเดินทางและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้ลี้ภัยเหล่านี้
_______________
🔴 [PLO กับการเปลี่ยนภูมิทัศน์ของเลบานอน]
ในปี 1964 มีการก่อตั้งกลุ่ม “องค์การปลดปล่อยชาติปาเลสไตน์” (PLO) ซึ่งมีจุดหมายตั้งรัฐปาเลสไตน์ขึ้นแทนที่รัฐอิสราเอล กลุ่มนี้มีที่มั่นหนึ่งอยู่ในเลบานอน และสมัครสมาชิกจากผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ที่อยู่ในค่ายต่างๆ PLO เริ่มโจมตีข้ามชายแดนไปยังอิสราเอลในปี 1968
กองทัพเลบานอนพยายามเข้าปราบปรามกลุ่ม PLO แต่อ่อนแอเกินไปจึงปราบไม่ได้ ช่วงนี้เป็นช่วงที่เลบานอนใต้อยู่ภายใต้การควบคุมของ PLO เป็นส่วนใหญ่ และยิ่งเข้มแข็งขึ้นอีกหลัง PLO ถูกขับไล่ออกจากจอร์แดนหลังเหตุการณ์ “กันยายนทมิฬ” (ปี 1970) PLO ถึงกับตั้งกองบัญชาการในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน และภาคใต้ของเลบานอนถูกขนานนามว่า “ฟาตาห์แลนด์” (ตามชื่อกลุ่มฟาตาห์ของ PLO)
อิทธิพลของ PLO นอกจากจะทำให้เลบานอนตกเป็นเป้าของปฏิบัติการทางทหารเพื่อตอบโต้จากอิสราเอลแล้ว ยังใช้การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนประชากรจากมุสลิมที่เพิ่มขึ้นเป็นชนวนให้เกิด “สงครามกลางเมืองเลบานอน” ตั้งแต่ปี 1975
_______________
🔴 [สงครามกลางเมืองเลบานอน กับบทบาทของอิสราเอล]
สงครามกลางเมืองเลบานอนมีลักษณะเป็นสงครามระหว่างคนต่างศาสนา คือจะเรียกง่ายๆ ว่าเป็นสงครามระหว่างชาวคริสต์กับมุสลิมก็ว่าได้ (แม้ไม่ถูกต้องทั้งหมด) อิสราเอลสนับสนุนฝ่ายคริสต์มาโรไนต์ (มาโรไนต์คือคริสต์จักรคาทอลิกฝ่ายตะวันออกที่อยู่ในสหพันธ์กับพระสันตะปาปา) และกองทัพเลบานอน โดยเฉพาะที่อยู่ประชิดชายแดนอิสราเอล จนมีคำเรียกว่า นี่เป็น “รั้วที่ดี” (Good Fence) เสมือนเป็นกันชนให้กับอิสราเอล ขณะเดียวกันซีเรียก็เข้ามาแทรกแซงด้วยเช่นกัน ในตอนแรกเพื่อสนับสนุนฝ่ายรัฐบาล แต่ต่อมาเปลี่ยนมาสนับสนุนฝ่ายปาเลสไตน์
ในปี 1978 เกิดเหตุ PLO ส่งคนมาก่อเหตุสังหารหมู่ในอิสราเอล อิสราเอลจึงตอบโต้ด้วยการเปิดฉาก “ปฏิบัติการลิตานี” เพื่อผลักดัน PLO ออกจากภาคใต้ของเลบานอนจนถึงแม่น้ำลิตานี และเสริมกำลังให้กับฝ่ายมาโรไนต์ที่ตนสนับสนุนอยู่ แต่ PLO ชิงถอนกำลังออกไปก่อน อิสราเอลจึงถอนกำลังกลับไปตามมติคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ และมีการตั้ง “กองกำลังชั่วคราวสหประชาชาติในเลบานอน” (UNIFIL) ขึ้น
หลังจากการหยุดยิงในปี 1978 ปฏิบัติการของ PLO ในอิสราเอลยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่อิสราเอลรุกล้ำข้ามชายแดนเลบานอนซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลง แต่อิสราเอลมองว่า PLO ละเมิดข้อตกลงด้วยการไม่ยอมหยุดลงมือในประเทศเช่นกัน ในช่วงนี้อิสราเอลมองหาข้ออ้างที่ยอมรับได้ในการบุกเข้าไปปราบ PLO อีกครั้งจนได้เมื่อเกิดเหตุมือปืนชาวปาเลสไตน์ลอบยิงทูตอิสราเอลในกรุงลอนดอนในปี 1982 (แต่คนสั่งการคือหน่วยข่าวกรองอิรักนะ)
อิสราเอลจึงใช้เป็นเหตุบุกเลบานอนอีกรอบทันควัน รบกับ PLO กองกำลังฝ่ายมุสลิม และกองทัพซีเรียไปจนถึงกรุงเบรุต และปิดล้อมเมืองไว้ 2 เดือนไม่บุกเข้าไป (เพื่อลดความสูญเสียฝ่ายตัวเอง) สุดท้าย PLO ตกลงยอมย้ายฐานออกจากเลบานอนไปยังตูนิเซีย
ฝ่ายอิสราเอลยึดครองกรุงเบรุตอยู่แต่ก็ต้องเผชิญกับแรงเสียดทานจากประชาชนในประเทศ โดยเฉพาะจากเหตุการณ์ที่กองกำลังติดอาวุธคริสต์เลบานอนที่อิสราเอลสนับสนุนอยู่ไปก่อเหตุสังหารหมู่มุสลิมชีอะห์ จึงต้องถอนกำลังออกไปอยู่ทางภาคใต้ของเลบานอน
สงครามกลางเมืองเลบานอนสิ้นสุดลงในปี 1990 โดยมีข้อตกลงจัดสรรอำนาจกันใหม่โดยเพิ่มอำนาจของมุสลิมมากขึ้น และตกลงวางอาวุธกันทุกฝ่าย แต่ยกเว้นกลุ่มฮิซบุลเลาะห์
_______________
🔴 [กำเนิด “ฮิซบุลเลาะห์” กับการ “ปลดปล่อย” ภาคใต้ของเลบานอน]
ในปี 1985 อิสราเอลถอนกำลังไปอยู่ทางใต้ของแม่น้ำลิตานีทางภาคใต้ของเลบานอน ซึ่งอิสราเอลไปบริหารเป็น “องค์การบริหารแถบความมั่นคงเลบานอนใต้” ร่วมกับ “กองทัพเลบานอนใต้” ฝ่ายคริสต์ที่อิสราเอลสนับสนุน
ในปีเดียวกันมีมุสลิมชีอะห์ประกาศตั้งกลุ่ม “ฮิซบุลเลาะห์” ขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปลดปล่อยเลบานอนใต้จากอิสราเอล กลุ่มนี้ลงมือแบบกองโจรต่อทหารอิสราเอลกับกองทัพเลบานอนใต้ซึ่งโดยทั่วไปถือว่าความรุนแรงต่ำเป็นครั้งคราว (คล้ายๆ กับสามจังหวัดชายแดนใต้ของไทย)
ฮิซบุลเลาะห์นี้เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มติดอาวุธชีอะห์หลายกลุ่มซึ่งเป็นผลพวงของสงครามเลบานอนปี 1982 และรับแบบตามอิหร่านหลังการปฏิวัติอิสลามจนทำให้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดนับแต่นั้น นอกจากนี้ฮิซบุลเลาะห์ยังลงเล่นการเมืองเลบานอนจนมีบทบาทสูงซึ่งจะได้กล่าวต่อไป
ในปี 1997 เกิดเหตุ ฮ. อิสราเอลขนทหารไปยังเลบานอนใต้ชนกันกลางอากาศและมีทหารเสียชีวิตเกือบ 100 นาย ทำให้สาธารณชนไม่พอใจและตั้งคำถามถึงความจำเป็นของการมีแถบความมั่นคงดังกล่าว
แรงกดดันดังกล่าวทำให้ในปี 2000 รัฐบาลอิสราเอลซึ่งได้สัญญาไว้ในช่วงหาเสียงได้ถอนทหารออกจากเลบานอนทั้งหมด ทำให้กองทัพเลบานอนใต้ล่มสลายตามไปด้วย ส่วนฮิซบุลเลาะห์ก็ยึดครองพื้นที่ภาคใต้ของอิสราเอลนับแต่นั้น
แต่ยังมีประเด็นอยู่ว่าอิสราเอลยังคงปกครอง “ไร่นาชีบาห์” เป็นพื้นที่ติ่งหนึ่งขนาด 11 x 2.5 กม. ที่ฮิซบุลเลาะห์ถือว่าเป็นของเลบานอน (เป็นพื้นที่พิพาทกับซีเรีย แต่อิสราเอลไปยึดมา) จึงยังถือว่าอิสราเอลยังถอนทหารออกไปไม่หมด และยังไม่หยุดโจมตีต่อไป
มีการปะทะและลอบสังหารกันไปมาระหว่างอิสราเอลกับฮิซบุลเลาะห์อันเนื่องจากข้อพิพาทไร่นาชีบาห์ในช่วงปี 2000 ถึง 2006 เหตุการณ์บานปลายในปี 2006 เมื่อเกิดเหตุฮิซบุลเลาะห์บุกข้ามชายแดนเข้ามาลักพาตัวทหารอิสราเอลไปเรียกร้องการแลกเชลยกัน จึงเป็นเหตุให้เกิด “สงครามเลบานอนปี 2006” (เหตุการณ์คล้ายๆ กับปัจจุบันเลยนะ)
อิสราเอลตอบโต้ด้วยการบุกภาคพื้นดินเข้าไปยังภาคใต้ของเลบานอนอีกเป็นครั้งที่ 3 ปฏิบัติการครั้งนี้กินเวลา 34 วัน และมีการทิ้งระเบิดและยิงปืนใหญ่ใส่เป้าหมายทั่วประเทศเลบานอน รวมทั้งกรุงเบรุต ผลทำให้มีผู้เสียชีวิตหลักพันคน และมีผู้พลัดถิ่นกว่า 1 ล้านคน (ส่วนชาวอิสราเอลก็พลัดถิ่นอีกกว่า 3-5 แสนคน) อิสราเอลสรุปว่าตนสามารถทำลายจรวดพิสัยไกลของฮิซบุลเลาะห์ได้ถึง 50-60%
อย่างไรก็ตามอิสราเอลก็ต้องยอมรับว่าการต่อสู้กับฮิซบุลเลาะห์นั้นช่างแตกต่างกับ “ฮามาส” เพราะฮิซบุลเลาะห์มีทั้งชุดเกราะป้องกันสะเก็ดระเบิด แว่นมองกลางคืน อุปกรณ์สื่อสาร และมีกระทั่งอาวุธแบบอิสราเอลมี พวกเขายังใช้ยุทธวิธีที่เน้นสร้างความสูญเสียต่อทหารอิสราเอลเพราะมองว่านี่คือจุดอ่อนทางจิตวิทยาที่ทำให้รัฐบาลอิสราเอลไม่สามารถทำสงครามได้นาน ทั้งนี้ยังมีตัวเลขว่ารถถังหลักของอิสราเอลอย่างเมอร์คาวาถูกจรวดต่อสู้รถถังถูกทำลายไป 5 คัน และเสียหายอีก 52 คัน
ในเหตุการณ์นี้ยังเห็นปรากฏการณ์ที่ทางการอิสราเอลกลับลำจากตอนแรกโทษว่ารัฐบาลเลบานอนต้องมีส่วนรับผิดชอบกับการกระทำของฮิซบุลเลาะห์ที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินเลบานอน แต่ต่อมาก็กลับลำโดยบอกว่าตัวเองไม่ได้ทำสงครามกับเลบานอน แต่เจาะจงเป้าไปที่ฮิซบุลเลาะห์เท่านั้น ทั้งนี้มีนายทหารนอกราชการอิสราเอลให้สัมภาษณ์ว่าท่าทีดังกล่าวต้องการแบ่งแยกประชาชนกับผู้สนับสนุนฮิซบุลเลาะห์
สงครามสั้นๆ ครั้งนี้จบลงโดยสหประชาชาติเข้ามาสั่งหยุดยิงโดยไม่มีฝ่ายใดชนะเด็ดขาด มีเงื่อนไขว่าฮิซบุลเลาะห์จะต้องวางอาวุธ อิสราเอลจะต้องถอนทหารออกจากเลบานอน และให้กองทัพอิสราเอลและ UNIFIL มาบริหารจัดการภาคใต้ของเลบานอนต่อ
_______________
🔴 [อิทธิพลที่มากขึ้นของฮิซบุลเลาะห์จนถึงเหตุการณ์ปัจจุบัน]
ถึงแม้จะมีมติสหประชาชาติออกมา แต่สุดท้ายฮิซบุลเลาะห์ก็ไม่ได้วางอาวุธ โดยตัวแทนรัฐบาลเลบานอนระบุว่าต้องถือฮิซบุลเลาะห์เป็นกองกำลังที่ช่วยปกป้องและทวงคืนแผ่นดินเลบานอนกลับคืนมา ขณะเดียวกันอิสราเอลก็ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงด้วยการรุกล้ำชายแดนเลบานอนทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ (ซึ่งอาจเป็นไปเพื่อสอดแนมและเพื่อความมั่นคง แต่ก็มีบันทึกเหตุการณ์เครื่องบินรบอิสราเอลบินผ่านเมืองใหญ่ๆ และทำโซนิกบูมสร้างความแตกตื่นด้วยเช่นกัน)
ทั้งนี้ฮิซบุลเลาะห์ยังได้ลงเล่นการเมืองเลบานอนจนสามารถเข้าไปมีสิทธิ์มีเสียงในรัฐบาลได้ ในปี 2008 ครม. เลบานอนมีฮิซบุลเลาะห์ 11 จาก 30 คน นอกจากนี้ยังมีสถานีวิทยุและโทรทัศน์ดาวเทียมของตัวเอง
สำหรับกำลังพลของฮิซบุลเลาะห์ยิ่งเติบโตขึ้นหลังสงครามปี 2006 และในปี 2021 หัวหน้าฮิซบุลเลาะห์อ้างว่ากลุ่มมีนักรบถึง 1 แสนคน รวมถึงยุทโธปกรณ์ที่เพียบพร้อมจนได้ชื่อว่าเป็น “รัฐซ้อนรัฐ” และแข็งแกร่งยิ่งกว่ากองทัพเลบานอน อย่างไรก็ตาม ชาติตะวันออกกลางอื่นๆ ไม่ยอมรับฮิซบุลเลาะห์ โดยถูกมองว่าเป็นองค์การก่อการร้ายจากชาติสันนิบาติอาหรับ (ซึ่งเป็นมุสลิมซุนนี) ทั้งหมดยกเว้นเลบานอนกับอิรัก (ซึ่งเป็นมุสลิมชีอะห์ทั้งคู่)
ระหว่างปี 2006-2023 ยังมีการยิงข้ามชายแดนเลบานอนเข้ามายังอิสราเอลอยู่เรื่อยๆ …ทีนี้หลายท่านคงสงสัยว่า UNIFIL ไปอยู่ไหน? คำตอบคือพวกเขาก็พยายามห้ามปรามทั้งสองฝ่ายแล้วแต่ไม่ได้ผล นอกจากนี้ยังไม่สามารถยิงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เพราะจะถูกครหาว่าไม่เป็นกลาง ดังนั้นจึงเกิดเหตุการณ์แบบที่ทหารรักษาสันติภาพต้องเผ่นแน่บออกจากพื้นที่สู้รบเพื่อไม่ให้โดนลูกหลง!
ในปี 2023 กลุ่มฮิซบุลเลาะห์เปิดฉากโจมตีข้ามชายแดนเลบานอนเข้าสู่อิสราเอลระลอกใหญ่เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับกลุ่มฮามาส พร้อมทั้งบอกว่าจะหยุดต่อเมื่อหยุดยิงกับฮามาสก่อน และยังมีการพาดพิงไซปรัสว่าอำนวยความสะดวกให้กับทหารอิสราเอลซึ่งฮิซบุลเลาะห์ถือว่าเป็นเป้าหมายเช่นกัน
ล่าสุดในเดือน มิ.ย. 2024 นายกฯ เนทันยาฮูประกาศว่าจะลดระดับความเข้มข้นของปฏิบัติการในฉนวนกาซาและจะพุ่งเป้าต่อไปที่การปรามฮิซบุลเลาะห์เป็นรายต่อไป โดยเฉพาะหลังฮิซบุลเลาะห์เผยแพร่ภาพเมืองอิสราเอลจากโดรน นอกจากนี้อิสราเอลยังเคยประเมินด้วยว่าฮิซบุลเลาะห์มีจรวดมากถึง 150,000 ลูกรวมทั้งขีปนาวุธนำวิถีความแม่นยำสูง
ทั้งอิสราเอลกับเลบานอนกำลังเผชิญปัญหาภายในเช่นกัน โดยเลบานอนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจที่ลากยาวมาหลายปีและส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ขณะที่ค่าใช้จ่ายยามสงครามของอิสราเอลขึ้นแตะ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปแล้ว อย่างไรก็ตามมีสื่อวิเคราะห์ว่านี่อาจเป็นหนทางของเนทันยาฮูในการต่ออายุให้กับตัวเอง เพราะถ้าสถานการณ์สงบลง ยังไงก็ยื้อเก้าอี้นายกฯ ไม่รอดแน่นอน!
_______________
🔴 [ถอดบทเรียน จะบุกรอบ 4 อีกหรือ?]
ทั้งหมดนี้คือประวัติศาสตร์การต่อสู้ที่ผ่านมาระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ที่โจมตีอิสราเอลมาจากเลบานอนนะครับ จะเห็นได้ว่าอิสราเอลได้ลองมาแล้วหลายอย่างทั้งปฏิบัติการลับ ส่งกองกำลังบุกภาคพื้นดินหรือผลักดันพันธมิตรของตัวเองมาเป็นรัฐกันชน …ทั้งหมดนี้ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนให้กับตัวเองได้ เปรียบได้กับ “สงครามเวียดนาม” สำหรับสหรัฐ หรือ “สงครามอัฟกานิสถาน” สำหรับโซเวียตก็ไม่ผิด
แล้วบทเรียนของสงครามที่ผ่านมาคืออะไร? เนทันยาฮูประกาศจะบุกเข้าไปในเลบานอนครั้งใหม่ (เป็นครั้งที่ 4) แล้วคิดว่าอะไรๆ จะแตกต่างจากเดิมหรือเปล่า?
#TWCHistory #TWCIsrael #TWCMiddleEast #TWC_Cheeze
0 Comment