พูดถึงอาหารมองโกล สิ่งแรกสุดที่ผมคิดคือ “เถื่อนๆ แมนๆ” สิ่งต่อมาที่คิดคือ “เรียบง่าย แต่พิสดาร แหกกฎทุกตำราอาหาร” และสิ่งสุดท้ายที่ต้องอุทานออกมาคือ “อร่อยมาก อร่อยจริงๆ ไม่คิดว่าประเทศที่ทุรกันดารขนาดนี้ จะมีอาหารอร่อยขนาดนี้!” มันจะอร่อยพิสดารถึงเพียงไหน เดี๋ยวเราไปดูกันครับ
ประเทศมองโกเลียมีสัณฐานเป็นทุ่งหญ้าเวิ้งว้าง สลับทะเลทราย ต้นไม้ ผักหญ้า และทรัพยากรน้ำนั้นหาได้ยากยิ่ง ผู้คนที่นี่ดำรงชีวิตโดยการเลี้ยงปศุสัตว์ แพะ แกะ วัว ม้า อูฐ
ดังนั้นอาหารมองโกลแต่โบราณจึงแบ่งเป็นสองประเภท ได้แก่ “อาหารแดง” หมายถึงเนื้อสัตว์ที่เอามาปรุงในแบบต่างๆ
กับ “อาหารขาว” หมายถึงผลิตภัณฑ์จากนม ที่สำหรับชาวมองโกลแล้วเป็นเหมือนของวิเศษที่พระเจ้าประทานให้

ชาวมองโกลมีความเชี่ยวชาญในการแปรรูปนม พวกเขานำนมมาผลิต เนย ชีส โยเกิร์ต ไอรัก (เหล้านมม้า) และสิ่งพิสดารนานาประการ
สำหรับ “แป้ง” นั้นเป็นของที่เข้ามาทีหลังเกิดขึ้นเมื่อมองโกลไปตีดินแดนที่พอปลูกข้าวได้
และ “ผัก” เป็นของที่มาทีหลังสุด เกิดจากการค้าขายแลกเปลี่ยนนำเข้า
ที่นี่เนื้อแกะ เนื้อแพะ เนื้อม้าเป็นของหาง่ายราคาถูก เนื้อหมู เนื้อไก่เป็นของหายาก และพอออกจากเขตเมืองแล้ว “สลัดผัก” นั้นเป็นของประหลาด หายากไม่ค่อยมี

ผมจะขอพูดถึง “อาหารขาว” ก่อน นี่คือ “อะรูล” เป็นโยเกิร์ตแข็ง รสเปรี้ยวมัน กินเป็นเครื่องเคียงอาหารคาว
- “เคลแมก” เกิดจากการเอาเนยและไขมันไปผสมกับแป้งและน้ำตาล ลักษณะคล้ายครีมพุดดิ้ง อร่อยกว่าที่คิดมาก
- “ชาไขกระดูก” เกิดจากการเอานมจืดไปใส่ไขกระดูกสัตว์ รับประทานร้อนๆ ไขกระดูกจะอารมณ์ประมาณเยลลี่เหลว ดื่มรวมกันแล้วรสชาติแปลกนัก ค่อนทางเค็ม
- “นมน้ำผึ้ง” เกิดจากการเอานมจืดไปใส่น้ำผึ้ง มีความร้อนหวาน รับประทานแล้วใจสงบ
ไอติมที่นี่ทำจากนมแพะ รสชาติเข้มข้นล้ำลึกกว่าไอติมที่เคยกิน
อาหารเช้าที่เสิร์ฟมาในเกอ (กระโจม) ที่ผมพัก เป็น “ข้าวต้มนม” รับประทานกับชีส และอะรูลนานาชนิด ชีสส่วนใหญ่แข็งมากเป็นอันตรายต่อฟัน
ข้าวต้มนม และขนมปังที่กินแกล้ม
“ไอรัก” หรือเหล้านมม้า เกิดจากนำนมม้ามาหมัก มีแอลกอฮอล์ประมาณ 0.7-2.5% ดื่มยังไงก็ไม่เมา รสชาติเปรี้ยวเหมือนโยเกิร์ต แต่ไม่หวาน อร่อยกลมกล่อมกว่าที่คิด
ถัดจากอาหารขาวขอสลับด้วย “อาหารแป้ง” ซึ่งเป็นสิ่งที่มองโกลรับมาภายหลัง นี่คือ “โบร์ทซอก” หรือโดนัทมองโกล รสชาติคล้ายปาท่องโก๋ผสมโดนัท
“อูล บูฟ” แปลตรงตัวว่า “ขนมปังพื้นรองเท้า” เป็นขนมปังแข็งที่พระลามะในวัดประดิษฐ์ขึ้น
ในงานเทศกาลปีใหม่ ชาวมองโกลจะจัดงานรื่นเริง นำอาหารแป้งมารับประทานแบบไม่อั้น พวกเขาจะเรียงอูลบูฟต่อสูงขึ้นหลายชั้น แล้วโรยด้วยอะรูล กับครีมเคลแมก ให้ทุกคนในครอบครัวแบ่งปันกันกินจนอิ่มหมีพีมัน อนึ่งการเรียงอูลบูฟสูงเป็นภูเขาเช่นนี้ มาจากคติพุทธ เปรียบกับการสร้าง “เขาพระสุเมรุ” อันศักดิ์สิทธิ์มงคลขึ้นในบ้าน
ชาวมองโกลยังถนัดในการทำแป้งทอด ในภาพนี้คือ “คูชูร์” หรือแป้งทอดไส้เนื้อ กินกับซอสมะเขือเทศ หรือซีอิ้ว รสชาติอร่อยมากๆ
ในคืนที่ผมไปนอนกระโจม เจ้าบ้านทำผัดหมี่เนื้อมา กินกับอะรูล และชีสแข็งนานาชนิด (อีกแล้ว) ผัดหมี่เนื้อนั้นอร่อย ส่วนชีสแข็งมันกัดยาก เลยเฉยๆ
ชาวมองโกลยังชอบทำแกงมันฝรั่งใส่เนื้อ จานนี้เฉยๆ คิดว่าเราท่านคงพอเดารสชาติได้
…แต่พระเอกที่ผมพบในทริปนี้น่ะเหรอ… นั่นก็คือ แต่น แต้น …เนื้อม้า!

เนื้อม้าเป็นของที่อร่อยมาก ลีน มันน้อย รสชาติล้ำลึก! กินแล้วรู้สึกบรรลุสัจธรรม
อร่อยจนกลับไทย คนในทัวร์ต้องซื้อเนื้อม้ากลับไปด้วยคนละหลายกระป๋อง
…และแล้วเราก็มาถึงพระเอกที่สอง… หัวแกะย่าง! อร่อยไปทุกส่วนที่มันมีอยู่ ทั้งเนื้อแก้ม เนื้อคาง เนื้อหู เนื้อลูกตา (รสชาติประมาณวุ้นๆ ที่มีเนื้อตรงกลาง)
และที่เด็ดที่สุดคือสมอง! เป็นมูสๆ เอามาทากินกับแป้ง
กินเสร็จแล้วเราก็ต้องตบด้วยเบียร์เจงกิสข่านนะครับ รสชาตินุ่มลึกกว่าที่คิด
และนี่คือวอดก้าเจงกิสข่าน ของในประเทศนี้อะไรก็ยี่ห้อเจงกิสข่านไปหมด! รสอร่อย ร้อนแรงครับ กรึ๊บๆ

0 Comment