​ณ ดินแดนแห่งเทพปกรณัมกรีกโบราณ มีเรื่องเล่าหนึ่งที่สะท้อนความหลงใหลในรูปร่างหน้าตาของตนเองจนกลายเป็นโศกนาฏกรรม นั่นคือ ตำนานของ “นาร์ซิสซัส” (Narcissus) ชายหนุ่มผู้มีรูปโฉมงดงามเหนือใคร ทว่าเขากลับจมอยู่ในเงาสะท้อนน้ำของตนเองจนไม่อาจหลุดพ้นได้

ชื่อของนาร์ซิสซัสไม่ได้คงอยู่เพียงในปกรณัมกรีกเท่านั้น แต่ตำนานของเขายังเป็นแรงบันดาลใจให้ชื่อ “โรคหลงตัวเอง” ที่ชื่อว่า “Narcissistic Personality Disorder”

เรื่องเล่าของเขามีที่มาที่ไปอย่างไร เหตุใดจึงเกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้ขึ้น ติดตามรับชมไปพร้อมกันครับ..

___________________________

🪞 เด็กชายรูปงามผู้เกิดมาพร้อมกับคำสาป
🪞 งดงามเสียจนไม่มีผู้ใดคู่ควรได้ครอบครอง
🪞 เสียงของเอคโค่
🪞 รักแรกพบและจุดจบของทั้งสองคน
🪞 ภาวะบุคลิกภาพแบบนาร์ซิสซัส
___________________________

🪞 เด็กชายรูปงามผู้เกิดมาพร้อมกับคำสาป

1. ณ เทือกเขาเงียบสงบแห่งแคว้นโบยอติอา ทางตอนกลางของกรีซ มีแม่น้ำสายหนึ่งชื่อว่า เซฟิสซัส (Cephissus) ซึ่งเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าแห่งสายน้ำและธรรมชาติ เขาได้ตกหลุมรักนางไม้ผู้เลอโฉมนามว่า ลีริโอเป (Liriope) ซึ่งอาศัยอยู่ในโพรงไม้และธารน้ำลึก ทั้งสองได้ตกหลุมรักซึ่งกันและกัน และได้ให้กำเนิดบุตรชายผู้หนึ่งซึ่งถูกกล่าวขานกันว่า “งามที่สุดเท่าที่ธรรมชาติจะสามารถปั้นแต่งได้”

เด็กน้อยนั้นคือ “นาร์ซิสซัส” ผู้ที่เมื่อแรกถือกำเนิดก็ทำให้เหล่านางไม้และมนุษย์ผู้หญิงพากันหลงใหลในความงามราวภาพวาดของเขา

2. แต่ลีริโอเป ผู้เป็นมารดารู้ดีว่าความงามที่มากเกินไปอาจเป็นพรที่แฝงคำสาปร้ายเอาไว้ นางจึงเดินทางไปยังวิหารของเทพพยากรณ์ชื่อ ไทรีเซียส (Tiresias) ชายชราผู้มีดวงตามืดบอดแต่มองเห็นในโชคชะตาของเหล่ามนุษย์

3. ลีริโอเปเอ่ยถามถึงชะตากรรมของบุตรชายเพียงผู้เดียวว่า “เด็กคนนี้จะมีชีวิตยืนยาวหรือไม่?”

เทพพยากรณ์ไทรีเซียสไม่ตอบในทันที เขาหลับตานิ่งราวกับฟังเสียงของอนาคตที่ล่องลอยมาตามสายลม ก่อนจะกล่าวสั้นๆว่า “เขาจะมีชีวิตยืนยาว หากไม่รู้จักตนเอง”

4. คำทำนายนี้ที่ผู้เป็นมารดาได้รับฟังอาจฟังดูคลุมเครือ แต่ในโลกของเทพปกรณัมกรีกซึ่งทุกคำพูดล้วนแฝงความลึกซึ้ง มันกลับหมายถึงสิ่งที่น่ากลัวกว่าที่คิด

___________________________

🪞 งดงามเสียจนไม่มีผู้ใดคู่ควรได้ครอบครอง

5. เมื่อกาลเวลาผ่านไป เด็กชายผู้ถือกำเนิดจากเทพแห่งสายน้ำและนางไม้ป่า ได้เติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่มรูปงาม ผู้มีใบหน้าเรียวคม ดวงตาลึกซึ้ง และเรือนผมดุจเส้นทองคำ นาร์ซิสซัสมีความงามที่ไม่ธรรมดา งามเกินชายใด งามเกินหญิงใด และงามเสียจนแม้แต่เหล่านางไม้ยังต้องหยุดมอง

6. ผู้คนต่างกล่าวขวัญถึงเขาราวกับเป็นรูปปั้นที่มีชีวิต เป็นภาพตัวแทนของความสมบูรณ์แบบของความงามทางกาย แต่สิ่งที่น่าหวั่นไม่ใช่เพียงความงามนั้นเอง หากเป็นวิธีที่นาร์ซิสซัส “รับรู้” ความงามของตน

7. เขาเติบโตมาในท่ามกลางเสียงชื่นชมบูชาราวกับเป็นเทพองค์หนึ่ง แต่หัวใจของเขากลับไม่เคยเปิดรับใคร ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยรักใครเลย ไม่ใช่เพราะเขาไม่เข้าใจในความรัก แต่เพราะเขาเชื่อว่า ไม่มีสิ่งใดที่ควรค่าพอกับความงามของเขา

8. ในช่วงวัยหนุ่มนั้น นาร์ซิสซัสใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ ชอบล่าสัตว์ เดินป่าลำพัง ดื่มด่ำกับภาพของตนที่สะท้อนในผืนน้ำทุกครั้งที่เขาผ่านลำธาร วันหนึ่งขณะเขากำลังเดินผ่านป่า มีนางไม้คนหนึ่งเฝ้ามองเขาจากเงาไม้อยู่ไกลๆ เธอชื่อ “เอคโค่” และเรื่องราวโศกนาฏกรรมทั้งหมดก็ได้เริ่มขึ้นนับจากวินาทีนั้น

___________________________

🪞 เสียงของเอคโค่

9. เอคโค่เคยเป็นหนึ่งในนางไม้ผู้เปี่ยมชีวิตชีวาที่สุด เธอเป็นผู้ติดตามของเทพไดโอนิซุส เทพเจ้าแห่งไวน์และความรื่นเริง ด้วยเพราะมีเสียงที่ไพเราะที่สุดในหมู่พงไพร แต่เสียงของเธอก็นำมาซึ่งจุดจบ..

10. ว่ากันว่าในครั้งหนึ่ง เทพซุสมักแอบลงมายังโลกมนุษย์เพื่อเสพสุขกับนางไม้โดยไม่ให้เทพีเฮร่า ภรรยาของเขารู้เมื่อใดที่เฮร่าลงมาหาตัวซุส เอคโค่ก็จะใช้วาจาของตนกักเฮร่าไว้ด้วยเรื่องเล่ามากมาย จนเหล่านางไม้ที่ลอบอยู่กับซุสสามารถหนีไปได้อย่างหวุดหวิด

เมื่อเทพีเฮร่ารู้ความจริงเธอจึงสาปเอคโค่ว่า “นับแต่นี้ไป เจ้าจะไม่มีสิทธิ์ใช้เสียงของตนอีกต่อไป… นอกจากพูดเพียงคำสุดท้ายของผู้อื่น” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เอคโค่กลายเธอหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า ไม่พูดกับใครอีกเลยจนกระทั่งเจอเขา..

___________________________

🪞รักแรกพบของทั้งสองคน

11. เอคโค่พบกับนาร์ซิสซัสขณะเขากำลังออกล่าสัตว์ เธอตกหลุมรักเขาในทันทีตั้งแต่แรกพบ เธอแอบติดตามเขาอยู่ห่าง ๆ ตลอดเวลารอจนกว่าเขาจะตั้งคำถามกับเธอ เนื่องจากคำสาปของเฮร่า เอคโค่ไม่สามารถพูดกับเขาได้ตามปกติ
“มีใครอยู่ที่นั่นไหม” และเอคโค่ก็ตอบออกไปว่า “อยู่ที่นั่นไหม” เมื่อเขาเดินไปตามเสียง เธอปรากฏตัวต่อหน้าเขา เธอพยายามจะโผเข้าไปสวมกอดเขา แต่กลับถูกนาร์ซิสซัสผลักออก พร้อมกล่าวด้วยความรังเกียจว่า “ไปให้พ้น ฉันไม่อาจรักเจ้ากลับได้”

เอคโค่เสียใจอย่างที่สุด เธอหนีไปซ่อนตัวในถ้ำ เฝ้าแต่ร้องไห้เสียใจ จนร่างกายค่อย ๆ สลาย เหลือไว้เพียง เสียงสะท้อน ที่ยังคงอยู่ในป่าเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้

12. หลังจากนาร์ซิสซัสปฏิเสธเอคโค่อย่างเย็นชา และรวมไปถึงวีรกรรมก่อนหน้ามากมายของเขาในเรื่องความหลงตัวเอง ในที่สุดเรื่องนี้ก็ไปถึงหูของ เทพีเนเมซิส (Nemesis) เทพีแห่งความยุติธรรมและการแก้แค้น เนเมซิสรู้ดีว่า ไม่มีการลงโทษใดจะสาสมไปกว่าการให้ นาร์ซิสซัสต้องพบกับความรักในรูปแบบเดียวกับที่เขาเคยปฏิเสธผู้อื่น “ความรักที่ไม่มีวันได้ครอบครอง”

เธอจึงสาปให้เขา “ตกหลุมรักเงาของตนเอง” ณ สระน้ำแห่งหนึ่งกลางป่า สถานที่เงียบสงบจนไม่มีสิ่งใดรบกวนภาพสะท้อนในผิวน้ำ

13. เมื่อวันหนึ่งนาร์ซิสซัสเดินทางผ่านมาและก้มลงดื่มน้ำจากสระเขาก็ได้เห็น “ชายหนุ่มรูปงามที่สุดเท่าที่เคยพบ” จ้องมองมาจากในน้ำทันใดนั้น หัวใจของเขาก็เต้นแรง เขาไม่รู้ว่านั่นคือภาพของตนเอง แต่กลับรู้สึกหลงใหลภาพนั้นอย่างบอกไม่ถูก

14. เขาเอาแต่จ้องมองเงาสะท้อนนั้นและแล้ว เขาก็ไม่อาจละสายตาจากเงาสะท้อนนั้นได้อีกเลย เขาเฝ้ามอง เฝ้ารอ ไม่กินไม่ดื่มเพราะกลัวแรงกระเพื่อมของน้ำ จะทำให้เงาสะท้อนนั้นหายไปและในที่สุดเขาก็สิ้นใจอยู่ริมสระน้ำแห่งนั้น คงเหลือไว้เพียงดอกไม้ชนิดหนึ่งที่งอกขึ้นจากพื้นดินและชาวกรีกเรียกมันว่า “ดอกนาร์ซิสซัส”

___________________________

🪞 ภาวะบุคลิกภาพแบบนาร์ซิสซัส

15. เรื่องราวของนาร์ซิสซัสได้กลายเป็นสัญลักษณ์อมตะของความหลงใหลในตนเอง และยังเป็นแรงบันดาลใจทางจิตวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในงานของ ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) บิดาแห่งจิตวิเคราะห์ ผู้ซึ่งเป็นคนแรกที่นำชื่อของนาร์ซิสซัส รวมไปถึงตำนานเทพปกรณัมอื่น ๆ มาใช้ในบริบททางจิตวิทยา

ในบทความจิตวิทยาของเขาเรื่อง “On Narcissism” ในปี 1914 ฟรอยด์ได้เสนอแนวคิดว่า “นาร์ซิสซัสม์” คือภาวะที่พลังทางจิตใจของมนุษย์ ที่หันกลับมาหลงใหลตนเองแทนที่จะส่งออกไปยังผู้อื่น ซึ่งหากเกิดมากเกินไป อาจกลายเป็นปมที่ก่อให้เกิดความทุกข์ทางจิตใจหรือความผิดปกติของบุคลิกภาพ

แนวคิดนี้ถูกสานต่อในเวลาต่อมา และกลายมาเป็นชื่อของภาวะทางบุคลิกภาพที่เรียกว่า
“Narcissistic Personality Disorder” หรือ “โรคหลงตัวเอง” ซึ่งหมายถึงบุคคลที่มีความรู้สึกว่าตนเองสำคัญยิ่ง ต้องการการยอมรับและชื่นชมจากผู้อื่นอยู่เสมอ ขณะเดียวกันกลับขาดความเห็นอกเห็นใจต่อความรู้สึกของคนรอบข้างเช่นเดียวกับ นาร์ซิสซัส

16. แม้ใครหลายคนอาจมีความมั่นใจในตนเองสูง หรือชอบคำชื่นชมในบางช่วงเวลา แต่ผู้ที่มี ภาวะหลงตัวเองทางจิตเวช (NPD) นั้น จะมีพฤติกรรมและทัศนคติบางประการ ฝังลึก อยู่ในบุคลิกภาพของตนอย่างต่อเนื่อง และส่งผลต่อความสัมพันธ์กับผู้อื่นในระยะยาว ลักษณะที่พบได้บ่อย ได้แก่

– เชื่อว่าตนเอง “พิเศษ” เหนือกว่าคนผู้อื่น และควรได้รับการปฏิบัติต่างจากคนทั่วไป
– ต้องการคำยกย่องและชื่นชมตลอดเวลา ไม่สามารถทนต่อคำวิจารณ์ได้
– มองตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกเรื่อง มักใช้ผู้อื่นเพื่อสนองความต้องการของตน
– ขาดความสามารถในการเข้าใจหรือเห็นอกเห็นใจความรู้สึกของผู้อื่น
– มักรู้สึกอิจฉาผู้อื่น หรือเชื่อว่าผู้อื่นอิจฉาตน
– มีความสัมพันธ์ที่ผิวเผิน ไม่มั่นคง เพราะประเมินผู้อื่นจากภาพลักษณ์และ ประโยชน์ที่ได้รับ
– มักแสดงท่าทีหยิ่ง ยโส หรือเหยียดหยามผู้อื่น โดยไม่รู้ตัว

17. “อย่างไรก็ตาม” การมีลักษณะตรงตามบางข้อข้างบน ไม่ได้หมายความว่าบุคคลนั้นจะเป็นโรคนี้อย่างแน่ชัด พฤติกรรมเหล่านี้ต้องปรากฏอย่างต่อเนื่องไม่ใช่แค่ในบางช่วงอารมณ์ และสร้างผลกระทบในการใช้ชีวิต รวมไปถึงต้องได้รับการประเมินโดย “ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต” อีกด้วย

18. สุดท้ายนี้ขอสรุปว่าความงามของมนุษย์หาใช่แค่เพียงรูปร่างหน้าตา เราต้องให้ลึกถึงความงามในจิตใจ เพราะหากขาดซึ่งความงามในจิตใจซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดไป คุณอาจต้องมานั่งร้องไห้เสียใจเช่นเดียวกับนางไม้เอคโค่ก็เป็นได้ ขอบคุณครับ
___________________________

#TWCSummary #TWCGreece #TWC_Salmon