หลายคนอาจได้ยินข่าวการจลาจลอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นใน “นิวแคลิโดเนีย” ดินแดนที่ไม่ปกครองตนเองของสหประชาชาติ ที่อยู่ภายใต้อำนาจของ “ฝรั่งเศส” วันนี้ The Wild Chronicles จะพาไปดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นแบบสรุปเข้าใจง่ายกันครับ
“นิวแคลิโดเนีย” เป็นเกาะในในมหาสมุทรแปซิฟิกเฉียงใต้ อยู่ใกล้ๆ กับออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยเกาะแห่งนี้ถูกค้นพบครั้งแรกโดยเจมส์ คุกในสมัยช่วงล่าอาณานิคม …ซึ่งตัวคุกนี่แหละที่เป็นคนตั้งชื่อเกาะนี้…
จนกระทั่งปี 1853 ฝรั่งเศสได้เข้ายึดเกาะนี้เป็นอาณานิคมของตนเอง เนื่องจากที่นี่เต็มไปด้วยแร่ธาตุสำคัญอย่างนิกเกิล พวกเขาจึงสร้างเหมืองแร่ขึ้น พร้อมกับนำนักโทษจำนวนมากมายังที่นิวแคลิโดเนีย
อย่างไรก็ดี ดินแดนนี้มีชนพื้นเมืองอย่าง “คานาค” อาศัยอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่แรก ส่งผลให้การเข้ามาของฝรั่งเศสสร้างความไม่พอใจแก่พวกเขาอย่างมาก นอกจากนี้ฝรั่งเศสยังยึดทรัพยาการต่างๆ รวมถึงกีดกันชนพื้นเมืองออกไปจากสารบบการปกครอง
คานาคถูกเปลี่ยนสถานะจากเจ้าของเกาะสู่ “ทาส” ที่เป็นแรงงานบังคับในสวนไร่ ฟาร์มปศุสัตว์ และงานสาธารณะของฝรั่งเศส (รวมถึงถูกค้าทาสด้วยนะ) อีกทั้งพวกเขายังต้องเผชิญกับโรคภัยไข้เจ็บ และสภาพความเป็นอยู่ก็ลำบากมาก
…คานาคถูกยึดพื้นที่ของเหล่าบรรพบุรุษไปทั้งหมด เหลือไม่ถึง 10% ด้วยซ้ำ…
ด้วยความข้นแค้น ชาวคานาคจึงทำการลุกฮือต่อต้านฝรั่งเศส แต่ความห่างชั้นของอาวุธ ทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ยับเยิน และถูกจับตัดหัวกันไปมากมาย
ทว่าสวรรค์ก็เข้าข้าง เมื่อองค์การสหประชาชาติกำหนดให้นิวแคลิโดเนีย อยู่ในรายชื่อการปลดปล่อยอาณานิคมของดินแดนที่ไม่ปกครองตนเองในปี 1946 กลายเป็นความหวังของชนพื้นเมืองที่จะได้รับ “เอกราช” เสียที
อย่างไรก็ดีการเรียกร้องของพวกเขาก็เต็มไปด้วยอุปสรรคตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้จะมีการทำข้อตกลงต่างๆ เพื่อให้พวกเขาได้รับสิทธิ์มากยิ่งขึ้น …ทว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดคือ “เอกราช” …
อีกทั้งเมื่อมีการทำประชามติว่า “จะเป็นเอกราชหรืออยู่กับฝรั่งเศส” ปรากฏว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังคงต้องการอยู่กับฝรั่งเศส ขนาดทำมติถึง 3 รอบ ผลก็ออกมาหน้าเดิมทุกครั้ง (ประชาชนส่วนใหญ่ของเกาะนี้ไม่ใช่ชนพื้นเมือง)
…และความอดทนก็ถึงขีดสุดในวันที่ 13 พฤษภาคม… หลังมีการโหวตแบบใหม่ที่จะอนูญาตให้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี 2014 มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงการประกาศเอกราช (กฏเดิมคือต้องอยู่ตั้งแต่ปี 1998)
…ซึ่งขนาดกฏเดิมยังแพ้ กฏนี้ก็ไม่ต้องลุ้นเลย…
ทำให้เกิดการประท้วงจากผู้คนราว 5,000 คน และก่อจลาจล โดยพวกเขาทำการปิดถนน วางเพลิงสถานที่ต่างๆ เช่น โรงเรียน ร้านค้า โรงงาน รวมถึงการปล้นสะดม นอกจากนี้ความรุนแรงยังยกระดับจนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน …เรียกว่าวุ่นวายกันไปทั้งเมือง…
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ประธานาธิบดีฝรั่งเศส “เอ็มมานูเอล มาครง” ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินบังคับใช้นานกว่า 12 วัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจควบคุมสถานการณ์มากขึ้น เช่น ปิดสนามบิน สั่งห้ามการประท้วง และดำเนินการตรวจค้นโดยไม่มีการควบคุมดูแลของศาล
นอกจากนี้ประธานาธิบดีฝรั่งเศสยังกล่าวอีกว่า “ความรุนแรงเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้” รวมถึงให้คำมั่นสัญญาว่าข้อเรียกร้องของทุกฝ่ายจะได้รับการพิจารณา โดยระหว่างนั้นจะส่งคำเชิญให้ทุกฝ่ายมาหาทางออกร่วมกัน
สุดท้ายเรื่องราวนี้จะมีผลลัพธ์ออกมาอย่างไร เราคงต้องติดตามกันต่อไป ทุกท่านลองมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ
#TWCNews #TWCome
0 Comment