ในการประชุมสุดยอด BRICS เมื่อปลายเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา มีการรับสมาชิกใหม่เพิ่ม 6 ประเทศอย่างเป็นทางการ คือ อาร์เจนตินา อียิปต์ เอธิโอเปีย อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย และ UAE แปลว่าในวันที่ 1 ม.ค. 2024 กลุ่มนี้จะมีสมาชิกเพิ่มเป็น 11 ประเทศแล้ว
ประเทศที่เข้าร่วมใหม่นี้ก็ถือว่ามีอิทธิพลไม่น้อยในภูมิภาคของตนเอง บวกกับการมีสมาชิกที่อยู่คนละขั้วกับสหรัฐชัดเจนอย่างอิหร่านและแนวคิดในการเลิกใช้เงินดอลลาร์สหรัฐในการค้าขายทำให้ดูเหมือนว่ากลุ่มนี้จะกลายเป็นกลุ่มใหม่ที่จะมีอำนาจมากขึ้นในการถ่วงดุลขั้วอำนาจสหรัฐที่เป็นใหญ่มาตั้งแต่ยุคหลังสงครามเย็น
ชัดเจนว่าประเทศที่เป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการรับสมาชิกเพิ่มนี้มากที่สุดคือจีนที่ต้องการขยายอิทธิพลของตัวเองแข่งกับสหรัฐ และเมื่อบวกกับประเทศต่างๆ อีกร่วม 40 ประเทศที่เข้าแถวขอเข้าร่วมกลุ่มด้วย (ไทยเองก็สมัครเข้าร่วมกลุ่มนี้ตั้งแต่ต้นปี 2023) แน่นอนว่าทั้งหมดอยากได้ผลประโยชน์จากจีนในด้านการค้าและการลงทุน
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่สมาชิกทั้งหมดจะเห็นด้วยไปในทิศทางดังกล่าว อย่างบราซิลกับอินเดียที่อยากจะปลีกตัวออกจากระบบเศรษฐกิจโลกที่ตะวันตกเป็นใหญ่ แต่ก็ไม่ได้แอนตี้ตะวันตกขนาดนั้น ขณะที่แอฟริกาใต้ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่เลวร้ายกับสหรัฐ บราซิลกับอินเดียเองยังพยายามคัดค้านการขยายกลุ่มเพราะมองว่าสัดส่วนอิทธิพลของตัวเองในกลุ่มจะลดลง และกลุ่มนี้จะดูเหมือนถูกจีนครอบงำมากขึ้นเรื่อยๆ
…เรียกได้ว่าพอออกจากโลกที่อเมริกาครอบงำปุ๊บ ก็เข้าสู่โลกที่จีนครอบงำต่อทันที แบบนี้จะต่างจากเดิมไหมเนี่ย?…
เมื่อกระบวนการตัดสินใจของกลุ่ม BRICS ต้องใช้เสียงเป็นเอกฉันท์ เมื่อมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า ทุกอย่างก็จะต้องเสียเวลาต่อรองกันมากขึ้นอย่างแน่นอน ตามสุภาษิตที่ว่า “มากคนก็มากความ” นั่นเอง
เพราะแบบนี้หรือเปล่าท่าทีของสหรัฐจึงยังดูผ่อนคลายอยู่ อย่างเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ ได้ออกมาวิเคราะห์ว่าตัวกลุ่ม BRICS ไม่ใช่คู่แข่งทางภุมิรัฐศาสตร์ เพราะผลประโยชน์ของสมาชิกแตกต่างกันมากเกินไป…
#TWCNews #TWCWorld
0 Comment