ขณะนี้ เรื่องราวของดาราสาวที่มีชีวิตแบบ “ติดแกลม” — นิยมความหรูหรา ฟุ่มเฟือย และการบริโภคสินค้าแบรนด์เนม — กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในสังคมไทย เพราะแท้จริงแล้ว ชีวิตติดแกลมของเธอที่ผ่านมา กลับใช้เงินจากการกู้ยืม โดยอาศัยการสร้างภาพลักษณ์กำมะลอเพื่อหลอกให้คนหลงเชื่อ!
อย่างไรก็ตาม… เรื่องราวของคนที่หลงใหลในความแกลมแต่กลับมีหนี้สินล้นตัว และยังสร้างภาพลักษณ์หรูหราด้วยเงินที่กู้มา ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะหากย้อนกลับไปยัง “ยุคทองชุบ” (Gilded Age) ช่วงปี 1865–1914 ซึ่งเป็นยุคที่สหรัฐฯ มีเศรษฐกิจเฟื่องฟูจากการขยายตัวของภาคการผลิต ส่งผลให้เศรษฐีหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย…
หากในตอนนั้นได้มีผู้หญิงคนหนึ่งออกมาอ้างว่าเธอเป็นลูกสาวของแอนดรูว์ คาร์เนกี อภิมหาเศรษฐีแห่งยุค และใช้เครดิตเท็จนี้ในการกู้ยืมเงินมหาศาล ก่อนจะนำไปปรนเปรอตัวเองในชีวิตแบบ “ติดแกลม” จนถูกขนานนามว่า “ราชินีแห่งโอไฮโอ”
ผู้หญิงคนนั้นคือ “แคสซี่ แชดวิก” นักต้มตุ๋นชาวแคนาดาที่สามารถฉ้อโกงเงินจากธนาคารอเมริกันได้หลายล้านดอลลาร์! จนทำให้นักประวัติศาสตร์บางรายถึงกับยกให้การหลอกลวงของเธอเป็นหนึ่งในคดีฉ้อโกงธนาคารครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ!
_______________________________
1. “แคสซี่ แชดวิก” (Cassie Chadwick) หรือชื่อจริงของเธอตั้งแต่แรกคือ “เอลิซาเบธ บิกลีย์” (Elizabeth Bigley) เป็นชาวแคนาดาที่แสดงพฤติกรรมชอบโกหกและสร้างเรื่องมาตั้งแต่วัยเด็ก ตอนอายุ 13 ปี เธอเคยพยายามเปิดบัญชีธนาคารโดยใช้จดหมายมรดกปลอม และถูกจับในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร แต่ได้รับการปล่อยตัวเนื่องจากยังเป็นเยาวชน
2. ต่อมาเธอยังมีพฤติกรรมสร้างเรื่องต่าง ๆ จนกลายเป็นคดีความอีกหลายครั้ง แต่ก็รอดมาได้เพราะทนายของเธอให้การว่าเธอมีความผิดปกติทางจิต ส่งผลให้คณะลูกขุนตัดสินว่าเธอไม่มีความผิด เพื่อจัดการปัญหา ครอบครัวจึงส่งเธอไปอยู่กับน้องสาวซึ่งแต่งงานแล้ว และอาศัยอยู่ที่เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา
3. หลังจากย้ายไปอยู่กับน้องสาวและน้องเขยได้ไม่นาน เอลิซาเบธก็เริ่มสร้างตัวตนใหม่ และแต่งงานถึงสามครั้ง ครั้งแรก สามีจับได้ว่าเธอฉ้อโกงจึงหย่า, ครั้งที่สองก็เลิกรากันด้วยเหตุผลเดียวกันหลังใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน 4 ปี, ส่วนครั้งที่สาม สามีเสียชีวิต และเธอมีลูกกับเขา 1 คน
4. ในปี 1889 เอลิซาเบธถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร และต้องโทษจำคุก 9 ปี แต่เธอได้รับการปล่อยตัวในปี 1893 จากนั้นจึงกลับไปยังคลีฟแลนด์ และใช้ชื่อปลอมเพื่อแต่งงานกับสามีใหม่ชื่อ ลีรอย แชดวิก ในปี 1897 พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น “แคสซี่ แชดวิก”
5. ปี 1902 เธอเริ่มต้นแผนลวงโลกครั้งใหญ่ โดยอ้างว่าเป็นลูกนอกสมรสของแอนดรูว์ คาร์เนกี มหาเศรษฐีแห่งวงการอุตสาหกรรม และใช้ชื่อเสียงปลอมนี้ในการกู้เงินจำนวนมหาศาลจากธนาคารหลายแห่ง โดยแนบเอกสารปลอมประกอบการกู้ แล้วนำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายอย่างหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นการซื้ออัญมณีกองโต, แกรนด์เปียโน, กรอบรูปทองคำประดับบ้าน และของฟุ่มเฟือยอีกมากมาย ทำให้เธอเป็นที่รู้จักในนาม “ราชินีแห่งโอไฮโอ”
6. ถึงแม้จะมีคนเริ่มสงสัยว่าเธอ “ติดแกลมปลอม” แชดวิกก็อ้างว่าเธอได้บริจาคเงินจำนวนหนึ่งให้กับผู้ยากไร้ และสนับสนุนขบวนการเรียกร้องสิทธิเลือกตั้งของสตรี (ซึ่งเรื่องการบริจาคแล้วสร้างภาพลักษณ์ว่าตนเป็นคนดีก็มีให้เห็นทุกยุคทุกสมัย)
7. แต่ในปี 1904 ธนาคารหลายแห่งเริ่มเกิดความเคลือบแคลงใจในตัวเธอ เพราะไม่สามารถเรียกเก็บหนี้คืนได้เลย อีกทั้ง ณ เวลานั้น เธอยังมีหนี้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 35 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,200 ล้านบาทในปัจจุบัน) แถมแอนดรูว์ คาร์เนกี ผู้ถูกอ้างชื่อยังออกมาปฏิเสธเสียงแข็งว่า “อีคนนี้ฉันไม่รู้จักนะ!” เมื่อธนาคารยื่นฟ้อง แชดวิกพยายามหนีจากโอไฮโอไปนิวยอร์ก แต่ก็ไม่รอด ถูกจับในที่สุด
8. หลังถูกจับ ความจริงก็ถูกเปิดโปง ธนาคารซิติเซนส์ เนชั่นแนล แบงก์ ซึ่งเคยปล่อยกู้ให้เธอถึง 800,000 ดอลลาร์ ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องและล้มละลายทันที… ส่วนสามีของเธอ เมื่อทราบข่าวก็ไม่รีรอ ฟ้องหย่าทันทีเช่นกัน
9. แชดวิกถูกตั้งข้อหาสมคบคิดต่อต้านรัฐบาล เพราะการที่ธนาคารซิติเซนส์ เนชั่นแนล แบงก์ (ซึ่งได้รับอนุญาตจากรัฐบาลกลาง) ต้องล้มละลายจากการปล่อยกู้ให้เธอ และมีการนำตัวแอนดรูว์ คาร์เนกี มหาเศรษฐีที่ถูกอ้างชื่อ เข้าร่วมการพิจารณาคดีด้วย ทำให้คดีนี้กลายเป็นประเด็นที่สื่อให้ความสนใจอย่างล้นหลาม
10. ศาลคลีฟแลนด์ตัดสินให้เธอจำคุก 14 ปี และปรับเงิน 70,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 85 ล้านบาทในปัจจุบัน) ในข้อหาสมคบคิดทำให้ธนาคารล้มละลาย และสมคบคิดต่อต้านรัฐบาล เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ปี 1905 เธอถูกส่งตัวไปยังเรือนจำในรัฐโอไฮโอ และเสียชีวิตในวันที่ 10 ตุลาคม ปี 1907 ซึ่งตรงกับวันเกิดครบรอบ 50 ปีของเธอพอดี
เรื่องราวของแคสซี่ แชดวิก สะท้อนให้เห็นถึงช่องโหว่ของระบบธนาคารในยุคนั้น ที่สามารถตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงได้ง่าย ไม่ต่างจากประชาชนในปัจจุบันที่โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงกันอย่างต่อเนื่อง นี่จึงเป็นบทเรียนสำคัญของโลกการเงินและธุรกิจที่ยังใช้เตือนใจได้ในทุกยุคทุกสมัย และตัวของแคสซี่เองก็เป็นตัวอย่างอันชัดเจนของคนที่ใช้ชีวิตหรูหราเกินตัวจากเงินที่ได้มาด้วยการโกง เพราะความต้องการที่ไม่รู้จักพอ และความพยายามรักษาภาพลักษณ์ของความร่ำรวยด้วยการหลอกลวง ย่อมนำไปสู่จุดจบที่น่าเศร้าเสมอ
#TWCHistory #TWCUSA #TWC_Rama
0 Comment