




***ภูฏาน: ต้นกำเนิดดินแดนมังกรสายฟ้า***
ในอดีตภูฏานนั้นแบ่งเป็นหลายแว่นแคว้น ส่วนใหญ่รับวัฒนธรรมและศาสนาพุทธจากทิเบตมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 ซึ่งตามวัฒนธรรมทิเบตนั้น พระลามะที่มีอำนาจมากสามารถปกครองเมืองต่างๆเหมือนกษัตริย์ รวมถึงมีราชวงศ์ของตนซึ่งสืบทอดโดยการกลับชาติมาเกิด
…หากการสืบทอดในลักษณะนี้มิได้ราบรื่น เพราะต้นศตวรรษที่ 17 ลามะวงศ์ดรุกปะซึ่งมีอิทธิพลสูงในทิเบตเกิดแตกเป็นสองฝ่ายภายหลังการผลัดแผ่นดิน ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างตัวแทนผู้กลับชาติมาเกิดของลามะสูงสุดองค์เก่าทั้งคู่
โดยพระลามะชื่อ “งาวังนัมเกล” ผู้อ้างสิทธิ์อวตารฝ่ายหนึ่งสู้กำลังฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ จึงต้องพาบริวารหลบหนีมาภูฏาน ที่นี่ท่านงาวังนัมเกลตรวจดูชัยภูมิแล้วเห็นว่าเหมาะสมในการตั้งรับ จึงได้สร้างฐานที่มั่นขึ้น จากนั้นพระลามะซึ่งเป็นฝ่ายยึดอำนาจวงศ์ดรุกปะในทิเบตได้ส่งกองทัพมาโจมตีท่านงาวังนัมเกลเพื่อกวาดล้างมิให้เป็นหอกข้างแคร่ อีกทางกลุ่มอำนาจเก่าในภูฏานเกรงท่านงาวังนัมเกลมาแข่งบารมีกับตนก็พากันมาตี เกิดเป็นสงครามชุลวุ่นวายชื่อ “มหาสงครามห้าลามะ”

ท่านงาวังนัมเกลนั้นเป็นคนเฉลียวฉลาดกล้าหาญ ในที่สุดก็นำพาผู้คนรบชนะลามะอื่นๆ สถาปนาอำนาจสูงสุดในท้องถิ่นแต่ผู้เดียว ด้วยวีรกรรมเหล่านี้ท่านจึงได้รับชื่อว่า “ชับดรุง งาวัง นัมเกล” หรือ “งาวัง นัมเกล ผู้ซึ่งคนทั้งหลายสยบแทบเท้า” ซึ่งดินแดนแห่งนี้ก็ได้กลายเป็นประเทศภูฏานในปัจจุบัน…
โดยท่านชับดรุง งาวัง นัมเกล ผู้ก่อตั้งประเทศภูฏานนั้นมาจากวงศ์ “ดรุกปะ” ซึ่งตามตำนาน เมื่อพระลามะต้นวงศ์ดรุกปะได้สร้างวัดขึ้นในทิเบตนั้น เป็นช่วงที่ท้องฟ้าเกิดมืดครึ้ม มีสายฟ้าฟาดคำราม พระลามะผู้ก่อตั้งเห็นเป็นนิมิตหมายอันดีว่ามีมังกรสายฟ้า (ดรุก) มาเต้นรำอวยพร จึงนำมังกรมาเป็นสัญลักษณ์แห่งวงศ์ตน และกลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศภูฏานในเวลาต่อมา

“ปูนาคา” – อดีตราชธานีแห่งภูฏาน
“ปูนาคา” อดีตราชธานีของภูฏาน อยู่ห่างจากทิมพู เมืองหลวง ประมาณ 80 กิโลเมตร ซึ่งระหว่างมหาสงครามห้าลามะ ท่านงาวัง นัมเกล ซึ่งถูกปองร้ายหมายเอาชีวิตได้หลบหนีเข้ามาในภูฏาน ณ บริเวณหน้าเขารูปงวงช้าง จุดที่แม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกันคือ แม่น้ำโพ (Pho Chu) และแม่น้ำโม (Mo Chu) ซึ่งก็คือบริเวณที่ตั้ง “ป้อมปูนาคา” หรือ “ปูนาคาซอง” ในปัจจุบัน (Chu ในภาษาซองคาแปลว่าแม่น้ำ)
แต่เมื่อศัตรูยิ่งตามล่ากระชั้นชิดเข้ามา ท่านงาวังนัมเกลจึงออกอุบายแกล้งขว้างผลส้มทิ้งลงในแม่น้ำ แต่ทำให้ฝ่ายตามล่าเชื่อว่านั่นคือพระบรมสารีริกธาตุจนพากันกระโดดลงไปงมหา และถูกกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวคร่าชีวิตไปเป็นจำนวนมาก ส่วนที่เหลือรอดก็หนีกลับธิเบตไป

หลังศัตรูแพ้พ่าย ท่านงาวังนัมเกลได้ตั้งค่ายพักแรมในบริเวณนี้ และเกิดนิมิตฝันเห็นคุรุรินโปเช จอมคนในอดีตที่นำศาสนาพุทธมาเผยแผ่ ณ ภูฏาน ได้ทำนายว่าว่า ในภายภาคหน้า ณ เขารูปร่างงวงช้างแห่งนี้ จะมีบุรุษผู้มากบุญบารมีนาม “นัมเกล” มาสร้างซอง (ป้อมปราการ) ขึ้น…
รุ่งขึ้น ท่านงาวัง นัมเกล จึงตัดสินใจสร้างป้อมปราการขึ้น ณ บริเวณนี้ที่อยู่หน้าเขารูปงวงช้าง นั่นก็คือ ปูนาคาซอง หรือ ปุงทัง เดเชน โพดรัง (Pungthang Dechen Phodrang) ซึ่งมีความหมายว่า “พระราชวังแห่งความสุขสำราญ” ดินแดนศักดิ์สิทธ์แห่งนี้นี่เอง…

โดยปูนาคาซอง ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 1,468 เมตร สภาพโดยทั่วไปมีอากาศอบอุ่นสบาย จึงเป็นสถานที่ประทับของพระสังฆราชภูฏานในฤดูหนาวจนปัจจุบัน ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล นำมาจากธิเบต ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพระบรมสารีริกธาตุที่ศักดิ์สิทธ์ยิ่งนัก ซึ่งในอดีตชาวธิเบตได้ยกทัพมาตีเมืองปูนาคาอยู่บ่อยครั้ง เพื่อเอาพระบรมสารีริกธาตุ แต่ว่าไม่สำเร็จ
ซึ่งในภายในป้อมงดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของภูฏานที่ผสมผสานระหว่างไม้และหิน ทำให้พูนาคาซองดูโดดเด่นและงดงามเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อสะท้อนกับทิวทัศน์ของเทือกเขาหิมาลัย จึงทำให้ที่นี่ถือเป็นป้อมที่สวยงามที่สุดในภูฏาน…

*** “ปูนาคา ดรุบเชน” เทศกาลนักรบภูฏาน****
เพื่อย้อนรำลึกถึงชัยชนะของท่านชับดรุง งาวัง นัมเกล ชาวภูฏานจึงได้จัดงานเทศกาล “ปูนาคา ดรุบเชน” (Punakha Drubchen) หรือ “พูนาคา ดอมเช” (Punakha Domche) ขึ้นทุกปีเมื่อวันที่ 24 เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติภูฏาน ซึ่งตรงกับปลายเดือนกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคม ที่พูนาคาซอง โดยเทศกาลจัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน
ในงานจะมีการแสดงการต่อสู้มหาสงครามห้าลามะที่เคยเกิดขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 17 ระหว่างกองทัพทิเบต และภูฏาน โดยมีการแสดง “รังจุง คาร์ซาปานี” พระธาตุสำคัญของภูฏาน อันเป็นศูนย์กลางสำคัญของศาสนาพุทธวัชรยาน อนึ่งสงครามนี้คือสงครามที่ทำให้ “ชาติภูฏาน” ถือกำเนิดขึ้น จึงนับเป็นเทศกาลที่สำคัญมาก

ซึ่งผู้ที่จะแสดงในงานเทศกาลครั้งนี้จะต้องเป็นลูกหลานของ “ปาซาป” (Pazaps) นักรบซึ่งเคยทำหน้าที่รับใช้ท่านชับดรุง งาวัง นัมเกล ในช่วงมหาสงครามห้าลามะ บรรพบุรุษเหล่านี้มีพื้นเพเป็นเพียงชาวบ้านจากหมู่บ้านใหญ่แปดแห่งในเมืองทิมพูและปูนาคา แต่กลับรบพุ่งกล้าหาญจนสามารถยัดเยียดความปราชัยให้แก่ผู้รุกรานได้
ปาซาปทั้งหลายยังคงทำหน้าที่อันทรงเกียรติเรื่อยมากว่า 400 ปี โดยพวกเขาจะสวมชุดนักรบสีแดงและสีดำโบราณสุดปราณีตพร้อมอาวุธ อันเป็นสัญลักษณ์ของกองทัพชับดรุง งาวัง นัมเกล เพื่อแสดงการต่อสู้ยุคโบราณ
หลังจากนั้น จะมีการลากชามทองแดงขนาดใหญ่ที่ลงจารึกด้วยพระคัมภีร์ไปที่ใจกลางลานของซอง ซึ่งในชามบรรจุด้วยเหล้าจนเต็มซึ่งจากนั้นจะนำไปอวยพร และแจกจ่ายให้กับผู้ที่เข้าร่วมงานเทศกาล

*** “ปูนาคา เซชู” – เทศกาลระบำหน้ากากภูฏาน ***
“ระบำหน้ากาก” หรือ “ชาม” (Cham) ถือเป็นการแสดงพื้นเมืองที่สำคัญอย่างหนึ่งของภูฏาน ซึ่งพวกเขาจะทำหน้ากากเป็นรูปสัตว์และอมนุษย์ต่างๆ โดยหน้ากากแต่ละชิ้นมักไม่ได้สื่อถึงภาพลักษณ์ภายนอกตรงๆ แต่เป็นสัญลักษณ์ของนามธรรมบางอย่าง เช่นมีสัตว์สี่ตัวเป็นสัญลักษณ์ของกิเลสสี่ประการ
ระบำแต่ละชุดมักมีความหมายทางธรรมะแฝงอยู่ เช่น แสดงการต่อสู้ของมนุษย์กับอุปสรรคทางโลกต่างๆก่อนจะบรรลุธรรม ซึ่งการแสดงเหล่านี้จะจัดขึ้นเป็นเทศกาลเมื่อวันที่ 10 ของทุกเดือนตามปฏิทินจันทรคติของภูฏาน โดยเรียกว่า “เซชู” (Tshechu) ซึ่ง “ปูนาคา เซชู” (Punakha Tshechu) ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน…

“ปูนาคา เซชู” เป็นเทศกาลนี้จัดขึ้นต่อจากเทศกาล “ปูนาคา ดรุบเชน” ซึ่งภายในงานจะมีการแสดงเต้นรำของพระสงฆ์ในชุดและหน้ากากที่สวยงาม เพื่อเป็นเกียรติแก่ “คุรุรินโปเช” หรือ “คุรุปัทมสมภพ” ผู้เผยแผ่ศาสนาพุทธวัชรยาน ซึ่งการเต้นรำแต่ละแบบเชื่อกันว่าจะสามารถเรียกเทพเจ้าและขับไล่วิญญาณชั่วร้าย พร้อมนำความสงบสุข ความเจริญรุ่งเรือง และโชคลาภมาสู่ผู้เข้าร่วม
อีกทั้ง ภายในงานยังมีหน้ากากตัวตลกสร้างสีสันอย่าง “อัตสรา” (Atsara) ซึ่งจะมาเรื่องตลกโปกฮา เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของฝูงชน เมื่อการเต้นรำทางศาสนาเริ่มน่าเบื่อ

นอกจากนี้ ทัวร์ของเรายังพาไปที่เที่ยวที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น “คิชู ลาคัง” วัดที่เก่าแก่และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในภูฏาน ซึ่งที่นี่เป็น 1 ใน 108 วัดที่กษัตริย์ซองเซน กัมโปแห่งทิเบต ทรงสร้างขึ้นเพื่อตรึงเท้าซ้ายของยักษ์ซึ่งนอนแผ่ขวางกั้นการประกาศพระธรรมจักรบนเทีอกเขาหิมาลัย
เชื่อกันว่า พระคุรุปัทมสัมภวะ หรือ คุรุรินโปเชน ผู้เผยแผ่ศาสนาพุทธสายวัชรยานในทิเบตได้เสด็จเยือนมาที่นี่และซ่อนสมบัติล้ำค่ามากมายไว้ในวัดแห่งนี้ รวมไปถึงพระบรมสารีริกธาตุที่ท่านทรงนำมาประดิษฐาน ณ วัดแห่งนี้ จึงทำให้ที่นี่มีความสิริมงคลอันเปี่ยมล้นมหาศาล

ถัดมา คือ “พระพุทธรูปดอร์เดนมา” พระพุทธรูปยักษ์ที่อยู่สูงที่สุดในโลก โดยพระพุทธรูปองค์นี้มีความสูงมากถึง 54 เมตร บนภูเขาที่สูงกว่า 2,655 เมตร โดยพระพุทธรูปองค์นี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อคราวเฉลิมพระชนมพรรษา 60 พรรษาของสมเด็จพระราชาจิกมี ซิงเย วังชุก กษัตริย์องค์ที่ 4 ของภูฏาน จุดเด่นของที่นี่ คือ เราสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองทิมพูได้อย่างแจ่มชัด และสัมผัสกับความศรัทธาอันยิ่งใหญ่ของชาวภูฏานได้เป็นอย่างดี

ถัดมา คือ “พระพุทธรูปดอร์เดนมา” พระพุทธรูปยักษ์ที่อยู่สูงที่สุดในโลก โดยพระพุทธรูปองค์นี้มีความสูงมากถึง 54 เมตร บนภูเขาที่สูงกว่า 2,655 เมตร โดยพระพุทธรูปองค์นี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อคราวเฉลิมพระชนมพรรษา 60 พรรษาของสมเด็จพระราชาจิกมี ซิงเย วังชุก กษัตริย์องค์ที่ 4 ของภูฏาน จุดเด่นของที่นี่ คือ เราสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองทิมพูได้อย่างแจ่มชัด และสัมผัสกับความศรัทธาอันยิ่งใหญ่ของชาวภูฏานได้เป็นอย่างดี

และไฮไลท์สำคัญที่คุณไม่ควรพลาด! คือ “วัดทักซัง” สำนักสงฆ์วิมานสวรรค์บนขุนเขา ซึ่งควรจะต้องขึ้นไปให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต โดยวัดทักซัง หรือ “วัดถ้ำเสือ” อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกถึงความงดงาม และมีที่ตั้งสูงจากระดับพื้นดินถึง 3,000 เมตร
วัดทักซังถือเป็นสถานที่แห่งศรัทธาอันสำคัญของประเทศภูฏาน เพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่ท่านคุรุรินโปเช (ปัทมสัมภวะ) เดินทางมาจากทิเบตเพื่อโปรดสัตว์ โดยขี่นางพยัคฆ์มาที่นี่เพื่อสร้างสมบุญบารมี ซึ่งท่านได้นั่งวิปัสสนากรรมฐานบำเพ็ญสมาธิภาวนาอยู่ในถ้ำนานถึง 3 เดือน ก่อนที่ท่านจะได้ประกาศคำสอนสู่สานุศิษย์เพื่อเผยแผ่พระศาสนาสู่ดินแดนพุทธภูมิภูฏาน จนชาวภูฎานหันมายอมรับนับถือพุทธศาสนา
สุดท้ายนี้ เราขอฝากทัวร์ The Birth of Bhutan: The Thunder Dragon’s Warriors ของเราด้วยนะครับ โดยการเดินครั้งนี้เป็นเส้นทางพิเศษที่ตั้งใจพาท่านสัมผัสถึง “จุดกำเนิด” แห่งภูฏาน ซึ่งหล่อหลอมจาก “ชัยชนะ” และ “ศรัทธา” อันแรงกล้าของผองชนนั่นเอง
อย่าพลาด! ทริปสุดพิเศษเพื่อเข้าใจภูฏานถึงแก่นแท้แบบนี้! เดินทางวันที่ 7 – 11 มีนาคม 2025 โดยทริปนี้คุณปั๊บ เจ้าของเพจ The Wild Chronicles จะออกนำทัวร์เดินทางไปด้วยตัวเอง ขอรับรองเลยว่าท่านจะได้ทั้งความสนุกและได้ความรู้เต็มอิ่มตลอดทั้งทริปอย่างแน่นอน! แถมทัวร์ของเรายังคงคอนเซ็ปต์ “ทัวร์ดีมีของสำหรับนักผจญภัยที่ไม่ธรรมดา” แถมด้วย “กินหรูอยู่สบาย” นอนโรงแรมบรรยากาศดีในทุกเมืองที่ไป

รับประสบการณ์ที่แตกต่าง และสัมผัสบรรยากาศแบบใหม่ที่อาจไม่เคยลิ้มลอง หากท่านใดสนใจขอโปรแกรม สามารถติดต่อได้ทาง หมายเลข 082-894-8444, 089-927-6446 หรือแอด LINE OA ได้ที่ @thewildchronicles (พิมพ์ @ ด้านหน้า) และพิมพ์ว่า “สนใจทัวร์ภูฏาน” ได้เลยนะครับ หรือกดปุ่ม “จองทัวร์” ได้เลยครับ
0 Comment