ตอนนี้ ตุรกีได้เกิดเหตุการประท้วงครั้งใหญ่ทั่วประเทศ และจุดกระแสความกังวลระดับนานาชาติว่าด้วยสถานะของประชาธิปไตยในประเทศ หลังจากที่เอเครม อิมาโมกลู นายกเทศมนตรีนครอิสตันบูล และผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคประชาชนสาธารณรัฐ (CHP) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักถูกจับกุม

แต่ที่มาและเหตุการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างไร? ร่วมหาคำตอบโดยการติดตามอ่านไปพร้อมๆ กันครับ

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2003 เรเซ็ป ทายยิป แอร์โดอัน จากพรรคยุติธรรมและพัฒนา หรือ AKP ชนะการเลือกตั้งและดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตุรกี ซึ่งในช่วงเริ่มต้นของแอร์โดอัน ได้มีการปฏิรูปเศรษฐกิจและผลักดันการเจรจาเข้าร่วมสหภาพยุโรป ทำให้เขาได้รับความนิยมจนในปี 2014 แอร์โดอันก็ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ซึ่งเขาได้เริ่มเปลี่ยนผ่านจากระบอบรัฐสภาไปสู่ระบอบประธานาธิบดีที่ให้อำนาจบริหารรวมศูนย์มากขึ้น

แถมปี 2016 แอร์โดอันยังถูกกองทัพพยายามรัฐประหารแต่ล้มเหลว ทำให้เขาตอบโต้ด้วยการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และดำเนินการกวาดล้างบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย รวมถึงสื่อมวลชนและฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง

หลังจากนั้นในปี 2017 ตุรกีได้มีการจัดประชามติรับรองรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทำให้ระบอบรัฐสภาและตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการ และปี 2018 แอร์โดอันได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ภายใต้ระบบใหม่ ซึ่งเปิดโอกาสให้ประธานาธิบดีมีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศ

10 ปีที่ผ่านมา หลังจากแอร์โดอันเป็นประธานาธิบดี เขาได้นำพาตุรกีไปสู่เส้นทางอำนาจนิยมมากขึ้น มีการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น, เสรีภาพสื่อ, และเสรีภาพในการชุมนุม รวมไปถึงการจัดการนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม กระนั้นในปี 2023 เขาก็ยังคงชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน

ส่วนเหตุผลที่แอร์โดอันพุ่งเป้าไปเล่นงานเอเครม อิมาโมกลู นักการเมืองวัย 54 ปี จากพรรคสาธารณรัฐประชาชน (Republican People’s Party – CHP) ก็เพราะว่า อิมาโมกลูเป็นนักการเมืองคนสำคัญของฝ่ายค้าน โดยเขาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครอิสตันบูลมาตั้งแต่ปี 2019 และถือเป็นนักการเมืองขวัญใจมหาชน จนถูกมองว่าเป็นคู่แข่งคนสำคัญของแอร์โดอัน

อิมาโมกลูจึงถูกเล่นงานทางการเมืองตั้งแต่ปี 2019 โดยการยกเลิกผลการเลือกตั้งครั้งแรก แต่เขาก็ยังชนะในการเลือกตั้งครั้งใหม่ ต่อมาในปี 2022 เขาได้ถูกศาลตัดสินจำคุก และถูกห้ามเล่นการเมืองเมื่อปี 2022 ในข้อหาดูหมิ่นสภาการเลือกตั้ง ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการอุทธรณ์

ในช่วงหลายเดือนก่อนถูกคุมขัง อิมาโมกลูได้วิพากษ์วิจารณ์การบริหารของแอร์โดอันอย่างรุนแรง จนนำไปสู่การดำเนินคดีทางกฎหมายหลายครั้ง และวันที่ 18 มีนาคม 2025 เขาถูกมหาวิทยาลัยอิสตันบูลยกเลิกวุฒิปริญญาตรีฐานทุจริต ทำให้เขาขาดคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีตุรกี แต่ทางพรรค CHP ก็ยังคงยืนยันให้เขาเป็นแคนดิเดตประธานาธิบดี

วันที่ 19 มีนาคม 2025 อิมาโมกลูได้ถูกจับกุมและควบคุมตัวในข้อหาทุจริต, ให้การสนับสนุนพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน (PKK) กลุ่มกองโจรติดอาวุธต่อต้านรัฐบาล, และเป็นแกนนำองค์กรอาชญากรรม ซึ่งดูก็รู้ว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง

ประชาชนชาวตุรกีที่ไม่พอใจกับการกระทำของรัฐบาลในการเล่นงานพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม ได้ลุกขึ้นมาประท้วงและการชุมนุมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะภายในนครอิสตันบูลซึ่งคาดการณ์ว่ามีผู้ชุมนุมมากกว่า 1,000,000 คน แม้ว่าตำรวจจะใช้กระสุนพลาสติก, สเปรย์พริกไทย และแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม ทำให้มีผู้ถูกจับกุมมากกว่า 1,400 คน แต่การเดินขบวนประท้วงยังคงดำเนินต่อไป

ทางผู้ชุมนุมมีเป้าหมายในการกดดันให้รัฐบาลปล่อยตัวเอเครม อิมาโมกลู รวมไปถึงเรียกร้องให้มีการป้องกันการกลั่นแกล้งทางการเมืองต่อฝ่ายค้าน และการขัดขวางกระบวนการประชาธิปไตยโดยรัฐบาลแอร์โดอัน พร้อมให้มีการเลือกตั้งโดยเสรี และรัฐบาลตุรกีจะต้องลาออกไป

พรรค CHP ได้กล่าวว่า เหตุการณ์การจับกุมอิมาโมกลูเป็น “การรัฐประหารทางการเมือง” และเป็นการแทรกแซงที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชน โดยออซกูร์ โอเซล ประธานพรรค CHP ได้ประกาศสนับสนุนอิมาโมกลูอย่างเต็มที่ โดยยังคงยืนยันให้เขาเป็นแคนดิเดตประธานาธิบดีของพรรค แม้จะถูกจำคุกก็ตาม ขณะที่หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านต่างๆ ของตุรกีได้ออกมาสนับสนุนอิมาโมกลูและการชุมนุมด้วยเช่นกัน

รัฐบาลได้ตอบโต้โดยการห้ามการชุมนุมสาธารณะและการชุมนุมทั้งหมดในอิสตันบูล, อังการา, และอิซเมียร์, ปิดถนนสายหลักและเครือข่ายรถไฟในเมืองอิสตันบูล, จำกัดเนื้อหาในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในตุรกี ไม่ว่าจะเป็น Twitter/X, YouTube, Instagram และ TikTok รวมไปถึงการจำกัดสื่อที่ไม่ได้สังกัดกับรัฐบาล RTÜK ปรับและจำกัดการออกอากาศต่อสื่อที่ไม่สังกัดรัฐบาล

ส่วนท่าทีของประธานาธิบดีแอร์โดอันนั้น เขาได้เรียกการประท้วงครั้งนี้ว่าเป็น “การก่อการร้ายบนถนน” และเชื่อว่าการประท้วงจะยุติลงในไม่ช้า พร้อมกล่าวหาพรรคฝ่ายค้านว่าเป็นผู้ปลุกระดมความรุนแรง และระบุว่าผู้ที่ละเมิดกฎหมายจะต้องรับผิดชอบ

การคุมขังอิมาโมกลู และการประท้วงในตุรกีกำลังเป็นที่สนใจสำหรับนานาชาติ โดยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลประณามการปราบปรามผู้ประท้วงของรัฐบาลตุรกี โดยเรียกการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการจำกัดเสรีภาพในการชุมนุมและการแสดงออก พร้อมแสดงความกังวลเกี่ยวกับการถดถอยของประชาธิปไตยในตุรกี

รวมไปถึงเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปได้กล่าวว่า ตุรกีจำเป็นต้องรักษาค่านิยมประชาธิปไตยไว้เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียสถานะประเทศผู้สมัครสหภาพยุโรป โดยระบุว่าสหภาพยุโรปต้องการคงความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับตุรกี

โดยสรุปแล้ว การประท้วงครั้งนี้สะท้อนถึงความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้นของประชาชนชาวตุรกีต่อการบริหารประเทศและการจำกัดเสรีภาพของประธานาธิบดีแอร์โดอันที่มาอย่างยาวนาน จนปะทุเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น

ทุกท่านคิดว่า ประชาชนชาวตุรกีจะสามารถทำตามเป้าหมายได้หรือไม่? และแอร์โดอันจะจัดการอย่างไรกับสถานการณ์นี้ต่อไป?

#TWCNews #TWCTurkey #TWC_Rama