เป็นที่ทราบกันดีว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ค่อยปลื้มในตัวของโวโลดีโมร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนเสียเท่าไหร่ เห็นได้จากความพยายามในการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนโดยการกดดันยูเครนเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นกล่าวว่าเซเลนสกีเป็น “เผด็จการ” ที่ไม่ยอมให้มีการจัดการเลือกตั้ง (ภายหลัง ทรัมป์อธิบายว่าจำไม่ได้ว่าเคยพูดเรื่องนี้) หรือกรณีฟาดวาทะกลางทำเนียบขาว ซึ่งทำให้ดีลแร่ธาตุที่ยูเครนตั้งใจทำกับสหรัฐฯ ต้องล่มลงไป
หากเบื้องลึกเบื้องหลังที่ทรัมป์ไม่ชอบเซเลนสกี ไม่ได้มาจากกรณีสงครามรัสเซีย-ยูเครนเท่านั้น แต่มาจากคดียูเครนเกต (Ukrainegate) คดีทางการเมืองสุดอื้อฉาวในสหรัฐฯ ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2019 และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทรัมป์แพ้เลือกตั้งให้กับ โจ ไบเดน
เรื่องราวนี้จะเป็นอย่างไร?
ขอให้ท่านติดตามด้านล่างได้เลยครับ
_______________________________
◾ข้อกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์ของไบเดนในยูเครน
◾เริ่มต้นคดี “ยูเครนเกต”
◾กระบวนการถอดถอนทรัมป์
◾ผลกระทบของคดี “ยูเครนเกต”
_______________________________
🟡ข้อกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์ของไบเดนในยูเครน
1. เรื่องราวของเหตุการณ์ “ยูเครนเกต” ต้องย้อนกลับไปเมื่อพฤศจิกายน 2013 ประเทศยูเครนเกิด “การปฏิวัติไมดาน” เมื่อชาวยูเครนหลายหมื่นคนออกมาประท้วงวิกเตอร์ ยานูโควิช ประธานาธิบดียูเครนสายโปรรัสเซียที่ตัดสินใจยกเลิกข้อตกลงกับสหภาพยุโรป จนทำให้รัฐบาลโปรรัสเซียล่มสสายเมื่อกุมภาพันธ์ 2014
2. มีนาคม 2014 กองกำลังรัสเซียบุกโจมตีไครเมียและจัดการลงประชามติ พร้อมประกาศผนวกคาบสมุทรไคเมียเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ทำให้สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติลงมติประณามการกระทำของรัสเซีย รวมถึงการลงประชามติด้วย
3. เมษายน ปี 2014 รัฐบาลโอบามาให้การสนับสนุนทางรัฐบาลยัตเซนยุกหลังการปฏิวัติไมดาน โดยมีโจ ไบเดน รองประธานาธิบดีรับผิดชอบหน้าที่นี้ ทว่า ข้อสงสัยในความโปร่งใสก็ได้เกิดขึ้นเมื่อฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายของโจ ไบเดน ได้เป็นคณะกรรมการบริหารของ Burisma Holdings บริษัทพลังงานของยูเครน โดยฮันเตอร์ไม่มีประสบการณ์ด้านพลังงานมาก่อน แต่ได้ตำแหน่งสำคัญในบริษัทต่างชาติ จึงทำให้มีมีข้อกังขาเรื่อง ผลประโยชน์ทับซ้อน แม้ว่าไม่มีหลักฐานว่าทั้งสองคนทำผิดกฎหมาย
4. นอกจากนี้ในปี 2015 โจไบเดน ยังได้การกดดันรัฐบาลยูเครนให้ปลดวิกเตอร์ โชคิน อัยการสูงสุดของยูเครนในขณะนั้น ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ล้มเหลวในการปราบปรามคอร์รัปชัน และ ขัดขวางการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม โดยจะไม่ให้การค้ำประกันเงินกู้มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ หากยูเครนไม่ปลดโชคินออกจากตำแหน่ง
5. มีนาคม 2016 รัฐสภายูเครนจึงลงมติถอดถอนโชคินออกจากตำแหน่ง ทำให้ไบเดนถูกกล่าวหาว่า เขาพยายามปกป้องลูกชายจากการถูกสอบสวน แต่ข้อเท็จจริงคือ ไม่มีหลักฐานว่าโชคินกำลังสอบสวน Burisma อย่างจริงจัง อีกทั้งการเรียกร้องให้ปลดโชคินเป็นจุดยืนร่วมของ หลายฝ่ายนานาชาติ รวมถึง สหภาพยุโรปและ IMF ที่ต้องการให้ยูเครน เพิ่มความโปร่งใส และต่อสู้กับคอร์รัปชันอย่างจริงจัง ไม่ใช่การกระทำของไบเดนคนเดียว อีกทั้ง ยังไม่มีหลักฐานว่า ไบเดนใช้อำนาจเพื่อปกป้องผลประโยชน์ส่วนตัวและครอบครัว
_______________________________
🟡 เริ่มต้นคดี “ยูเครนเกต”
6. เรื่องยูเครนได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับทรัมป์เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2019 โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดียูเครน ซึ่งโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงความยินดีกับเขาทางโทรศัพท์อย่างชื่นมื่น
7. แต่ไม่กี่วันต่อมา ไบเดน ประกาศตัวลงหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปี 2020 ส่วนฮันเตอร์ ไบเดน ได้ลาออกจากตำแหน่งคณะกรรมการบริหารของ Burisma ทำให้รูดี้ จูลีอานี ทนายความส่วนตัวของทรัมป์กดดันให้ยูริ ลุตเซนโก อัยการสูงสุดของยูเครน สอบสวนการกระทำผิดของตระกูลไบเดน
8. ต่อมาเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2019 ทรัมป์ได้ออกคำสั่งระงับความช่วยเหลือทางทหารกับยูเครนจำนวน 392 และได้โทรศัพท์คุยกับเซเลนสกีเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2019 เพื่อกดดันให้เซเลนสกีสอบสวนโจ ไบเดน คู่แข่งเลือกตั้งของเขา พร้อมกับฮันเตอร์ ไบเดน
9. เรื่องราวนี้ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง (CIA) ที่ไม่เปิดเผยนามได้นำเรื่องนี้มาเปิดเผยมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2019 โดยเขาได้เขียนจดหมายแสดงความกังวลเกี่ยวกับการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ แต่โจเซฟ แม็กไกวร์ รักษาการผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากทรัมป์ ได้รับเรื่องแต่ปฏิเสธที่จะส่งมอบเรื่องดังกล่าวให้สภาคองเกรสตามที่กฎหมายกำหนด
10. อดัม ชิฟฟ์ สมาชิกรัฐสภาจากพรรคเดโมแครตและประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎร จึงเป็นผู้นำในการสอบสวนข้อกล่าวหาที่ว่าทรัมป์ได้กดดันรัฐบาลยูเครนให้สอบสวนโจ ไบเดน
ซึ่งทรัมป์ปฏิเสธว่าไม่ได้ใช้ความช่วยเหลือทางการทหารของสหรัฐฯ เป็นหมากในการต่อรองกับเซเลนสกี และยืนกรานหลายครั้งว่า การพูดคุยกันทางโทรศัพท์กับผู้นำยูเครนนั้นเป็นสิ่งที่ “ถูกต้อง” หากพรรคเดโมแครตมองว่า ทรัมป์ใช้อำนาจในทางที่ผิดและกดดันยูเครนเพื่อประโยชน์ทางการเมือง นำไปสู่การสืบสวนโดยสภาผู้แทนราษฎร หากทรัมป์เรียกกระบวนการยื่นถอดถอนว่า “เป็นการล่าแม่มด” ของฝ่ายเดโมแครตและสื่อ
_______________________________
🟡 กระบวนการถอดถอน
11. กระบวนการไต่สวนเพื่อการถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2019 ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐที่ถูกถอดถอน (ต่อจากแอนดรูว์ จอห์นสัน และบิล คลินตัน)
โดยกระบวนการถอดถอนประธานานาธิบดีสหรัฐฯ (Impeachment Process) มี 2 ขั้น คือ สภาผู้แทนราษฎรต้องเป็นฝ่ายยื่นถอดถอน โดยการลงมติยื่นถอดถอนต้องการเพียงเสียงส่วนใหญ่เท่านั้น จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการไต่สวนของวุฒิสภา แต่ในขั้นของวุฒิสภา จำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุน 2 ใน 3 เพื่อถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐฯ
12. กระบวนการไต่สวนเพื่อการถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2019 จนในวันที่ 18 ธันวาคม 2019 สภาผู้แทนราษฎรซึ่งพรรคเดโมแครตคุมเสียงข้างมาก ลงมติถอดถอนทรัมป์ใน 2 ข้อหา คือ การใช้อำนาจในทางที่ผิด (Abuse of Power) และขัดขวางการทำงานของรัฐสภา (Obstruction of Congress) แต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2020 วุฒิสภาซึ่งพรรครีพับลิกันคุมเสียงข้างมากก็ได้ลงมติยกฟ้องทรัมป์ทั้งสองข้อหา
_______________________________
🟡 ผลกระทบของคดี “ยูเครนเกต”
13. ทรัมป์รอดจากการถูกถอดถอน แต่คดี “ยูเครนเกต” ทำให้คะแนนนิยมของเขาตกลง อีกทั้งตัวของโจ ไบเดน ยังได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากถูกมองว่าเป็นเหยื่อของการโจมตีทางการเมือง จนกลายเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้โจ ไบเดน สามารถเอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2020
14. ระหว่างปี 2021–2024 ช่วงที่ทรัมป์ไม่ได้เป็นประธานาธิบดี ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเซเลนสกีแทบไม่มีการติดต่อโดยตรง และกลับมาพูดอีกครั้ง หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสมัยสอง โดยความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์และเซเลนสกีเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความไม่แน่นอน ซึ่งเป็นผลพวงจากคดียูเครนเกตไม่มากก็น้อย
เพราะการพบกันระหว่างทรัมป์และเซเลนสกีที่ทำเนียบขาวเกิดความตึงเครียดและไม่สามารถบรรลุข้อตกลงที่สำคัญได้ โดยทรัมป์วิจารณ์เซเลนสกีว่าไม่พร้อมสำหรับสันติภาพ ขณะที่เซเลนสกีย้ำถึงความสำคัญของการสนับสนุนจากสหรัฐฯ เซเลนสกีจะสามารถทำให้ทรัมป์กลับมาเชื่อใจเขาได้หรือไม่? หรือทรัมป์จะลืมอดีตและหันมาเจรจากันแบบปกติ? พวกคุณคิดว่าอย่างไร? ……….
#TWCSummary #TWCUSA #TWCUkraine #TWC_Rama
0 Comment