หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ขู่ทางจีนว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนอีก 50% รวมของเก่าเป็น 104% เพื่อบีบให้จีนยกเลิกการขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ แต่เมื่อจีนเมินเฉย ทำเนียบขาวก็ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนเป็น 104% จริงๆ ส่วนประเทศต่างๆ ที่พยายามเข้ามาเจรจากับสหรัฐฯ ยังคงถูกเก็บภาษีนำเข้าตามที่ทำเนียบขาวประกาศไว้ก่อนหน้านี้
การขึ้นภาษีดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง เพราะนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้นระหว่างสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ส่วนผู้บริโภคในสหรัฐฯ และทั่วโลกจะต้องเผชิญกับราคาสินค้าที่สูงขึ้น เนื่องจากภาษีที่เพิ่มขึ้นจะถูกส่งต่อมายังผู้บริโภค ขณะที่ธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ ที่พึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากจีนก็ประสบปัญหา เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
โดยอัตราภาษีนำเข้าชุดนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพุธที่ 9 เมษายน 2025 เวลา 00:01 น. ตามเวลาท้องถิ่น (EDT) ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกของ 60 ประเทศทั่วโลก รวมถึงไทย
ส่วนจีนได้ดำเนินมาตรการโต้กลับหลายประการเพื่อตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ คือ การขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ 34%, จำกัดการส่งออกแร่หายาก, และขึ้นบัญชีดำบริษัทสหรัฐฯ หลายแห่งไว้ใน “บัญชีหน่วยงานไม่น่าเชื่อถือ” ซึ่งจะถูกตรวจสอบและควบคุมเข้มงวดขึ้น รวมไปถึงมาตรการต่างๆ ที่อาจเป็นไปได้ เช่น การห้ามนำเข้าภาพยนตร์จากสหรัฐฯ
กระนั้น ภาษีนำเข้าใหม่ของสหรัฐฯ ได้ยกเว้นสินค้าบางประเภท คือ น้ำมันดิบ, ผลิตภัณฑ์ยา, เซมิคอนดักเตอร์, และแร่ธาตุสำคัญ แต่ภายในงานเลี้ยงของคณะกรรมการรัฐสภาพรรครีพับลิกัน ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ทรัมป์ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้สำหรับการเก็บภาษีนำเข้าสำหรับผลิตภัณฑ์ยาในเร็วๆ นี้ เพื่อกดดันให้บริษัทยา “ออกจากจีน” และสร้างกำลังการผลิตในสหรัฐฯ
นี่จึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า แม้ผลิตภัณฑ์ยาจะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า (ในตอนนี้) แต่ภาษีนำเข้าสำหรับวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องกับการผลิตยาอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนของยาสำหรับผู้บริโภคได้ และหากทรัมป์ยังคิดขึ้นภาษีนำเข้าสำหรับผลิตภัณฑ์ยา ชาวอเมริกันจะต้องซื้อยาในราคาแพงมากขึ้น…
ทุกท่านคิดเห็นอย่างไร? ก็สามารถคอมเมนท์กันได้นะครับ
#TWCNews #TWCUSA #TWCChina #TWC_Rama
0 Comment