1. ประธานาธิบดีรัสเซียนามปูตินนั้นเลี้ยงขุนศึกไว้หลายคน ขุนศึกเหล่านี้บางทีถูกให้ทำหน้าที่ซ้ำซ้อนกัน บางทีทะเลาะกันเอง ชิงกันสร้างความดีความชอบ

2. ในจำนวนนั้น มีขุนศึกคนหนึ่งชื่อพรีโกชิน แบคกราวน์เป็นเจ้าพ่อ ต่อมาได้เป็นผู้นำกองกำลังวากเนอร์

3. วากเนอร์นั้นฉากหน้าเป็นบริษัททหารรับจ้าง (ซึ่งจริงๆ ผิดกฎหมายรัสเซีย) ในความจริงเป็นที่ทราบกันว่ามันคือกองกำลังส่วนตัวของปูติน เอาไว้ใช้ทำงานที่กองทัพรัฐบาลไม่สะดวกทำเอง

4. ในสงครามยูเครน ทัพวากเนอร์มาช่วยรบด้วย พวกเขาเป็นหน่วยที่รบเก่งของรัสเซีย ก่อนหน้านี้มีผลงานสำคัญในการตีเมืองบักมุต จึงกลายเป็นดาวรุ่งในวงการทหาร

5. พรีโกชินเป็นไม้เบื่อไม้เมากับรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียนามชอยกู พรีโกชินตำหนิชอยกูบ่อยๆ ว่าส่งเสบียงอาวุธมาสนับสนุนพวกเขาไม่เต็มที่

6. พรีโกชินชอบออกสื่อโซเชียล ให้สัมภาษณ์ทั้งโม้ ทั้งเหยียบย่ำคนอื่น ทั้งเปิดเผยข้อมูลภายใน ทำให้พวกกลาโหมรัสเซียเกลียดมาก

7. ที่ผ่านมานั้น ระหว่างวากเนอร์กับทหารปกติมีกระแสเหยียดกันเองโดยเปิดเผย วากเนอร์เหยียดว่าทหารปกติรบไม่เก่ง ทหารปกติเหยียดว่าพวกวากเนอร์เป็นกุ๊ยโฉ่งฉ่าง ความขัดแย้งนี้พัฒนามาเรื่อยๆ

8. เชื่อว่าชอยกูระแวงว่าวากเนอร์จะแข็งแกร่งจนคุมไม่ได้ จึงออกคำสั่งให้ทหารวากเนอร์ทั้งหมดขึ้นทะเบียนเข้ากองทัพรัสเซีย ทั้งนี้เพื่อสลายอำนาจพรีโกชิน

9. คืนวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมา ไม่นานหลังชอยกูออกคำสั่งขึ้นทะเบียนวากเนอร์ ก็มีข่าวลือว่าทัพรัสเซียโจมตีค่ายของวากเนอร์ มีทหารล้มตายเป็นอันมาก

10. วันที่ 24 มิ.ย. พรีโกชินบอกว่าข่าวลือข้อที่แล้วคือความจริง คนของเขาถูกทิ้งบอมสังหารไป 2,000 คน (ตอนหลังจำนวนนี้ลดเหลือ 30 คน) และเขาจะเคลื่อนพลไปทำลายชอยกูที่กำลังอยู่ในเขตรอสตอฟเพื่อแก้แค้น เขาบอกว่า “นี่ไม่ใช่การปฏิวัติ แต่เราคือทัพแห่งความยุติธรรม” และ “จะทำลายทุกคนที่ขัดขวาง”

11. นายพลซุโรวิกินที่สนิทกับพรีโกชินพยายามไกล่เกลี่ยหาทางลงให้ทั้งสองฝ่าย แต่ไม่เป็นผล คนนี้คือผู้บัญชาการสงครามยูเครนที่นับถือกันว่าเก่งที่สุดจนถึงตอนนี้ โดยเป็นผู้วางระบบป้องกันจนทัพยูเครนรุกกลับได้ยากจนปัจจุบัน แต่ตอนหลังเขาถูกเปลี่ยนออก เอานายพลเกราซิมอฟมาแทน เชื่อว่าเพราะปูตินมองว่าเขาสนิทกับพรีโกชิน (ที่คุมไม่ได้) มากไปเลยอยากกระชับอำนาจ

12. พวกวากเนอร์ยึดเมืองรอสตอฟออนดอนไว้ได้ เมืองนี้มีความสำคัญในฐานะเป็นที่ตั้งศูนย์บัญชาการหลักของรัสเซียในการทำสงครามยูเครน

13. พรีโกชินบอกว่าจะยอมคืนเมืองให้ถ้าทางการรัสเซียจับรัฐมนตรีกลาโหมชอยกู และนายพลเกราซิมอฟผู้บัญชาการศึกยูเครน มัดตัวมาถวายเขา!!! …หาไม่แล้วเขาจะกรีฑาทัพไปทวงความเป็นธรรมถึงกรุงมอสโก!!!

14. ทางการรัสเซียประกาศว่านี่มันคือการกบฏชัดๆ!!!

15. ทางการรัสเซียมีการประกาศให้ประชาชนที่อาศัยตามบริเวณที่เชื่อว่าเป็นทางผ่านของทัพวากเนอร์ให้หลบเข้าบ้าน อยู่ในความสงบ

16. ปูตินประกาศว่าพรีโกชินเป็นกบฏและต้องได้รับการลงโทษ! การประกาศนี้ทำให้เห็นว่าปูตินเลือกข้าง จากที่ก่อนนี้ทำตัวลอยๆ เหนือการทะเลาะของลูกน้อง

17. พรีโกชินด่าปูตินว่า “ไอ้ห- ” (ก่อนหน้านี้ไม่เคยกล้าด่ามาก่อน)

18. ตลอดวันที่ 24 มิ.ย. มีข่าวทัพวากเนอร์เคลื่อนพลเข้าใกล้มอสโกมากขึ้นเรื่อยๆ มีข่าวการต่อสู้และฟุตเทจหลุดมาเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบิน บินมาทิ้งบอมบ้าง ถูกสอยบ้าง

19. แต่การเคลื่อนทัพของวากเนอร์นั้นค่อนข้างง่ายดาย ทหารรัสเซียตามรายทางมักวางอาวุธ ยอมจำนน มิได้ต่อต้าน

20. ตลอดวันมีข่าวว่ารัฐบาลรัสเซียระดมกำลังเข้ามอสโก ทำค่ายคูเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย และมีการปราบปรามทำลายสำนักงาน และป้ายของวากเนอร์ในที่ต่างๆ

21. มีข่าวลือว่าชนชั้นสูงในมอสโกรวมทั้ง ดมิทรี เมดเวเดฟ (ซึ่งเคยเป็นอดีตประธานาธิบดี) พร้อมครอบครัว พากันหลบหนีเพราะทหารรักษาเมืองนั้นมีกำลังน้อย จนน่าจะสู้วากเนอร์ไม่ได้ (พวกทหารถูกให้ไปรบในยูเครนกันมาก)

22. มีข่าวลือว่าปูตินหลบหนี ข่าวลือนี้เกิดจากมีเครื่องบินของปูตินบินขึ้น และตัดสัญญานเรดาร์ไม่ให้ใครรู้ว่าไปไหน

23. ตอนค่ำๆ ประธานาธิบดีลูกาเชนโกของเบลารุสซึ่งเป็นมิตรกับรัสเซียมานาน ประกาศว่าได้เจรจาไกล่เกลี่ยกับพรีโกชินเป็นผลสำเร็จ โดยเงื่อนไขการเจรจาจะมีการอภัยโทษให้พรีโกชินและทหารวากเนอร์

24. พรีโกชินประกาศตามมาว่าจะถอยทัพผ่านโซเชียล ขณะที่ทัพวากเนอร์ของเขาเข้าใกล้มอสโกในระยะ 200 กิโลเมตรแล้ว

25. เขาบอกว่าจะถอนกำลังกลับไปฐานที่มั่นในยูเครนเพื่อป้องกันการเสียเลือดเนื้อของชาวรัสเซีย

26. ทหารวากเนอร์ถอยทัพจริง

27. ทางการรัสเซียยอมตามการเจรจาของลูกาเชนโก

28. ทางการรัสเซียแถลงผลการเจรจาออกมาแบบนี้
– ข้อกล่าวหาที่ว่าพรีโกชินเป็นกบฏจะถูกยกเลิกไป และพรีโกชินจะได้ลี้ภัยไปเบลารุส
– นักรบวากเนอร์ที่มิได้มีส่วนร่วมกับการจลาจลจะได้รับทางเลือกให้สามารถเข้าร่วมเป็นทหารของทัพรัฐบาลรัสเซีย
– สำหรับนักรบที่มีส่วนร่วมกับการจลาจลจะได้รับการอภัยโทษ

…ทั้งหมดนี้ทำอย่างปราณีเพื่อเห็นแก่ความดีความชอบที่ทุกคนเคยรบในยูเครนมา …และเพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือดซึ่งอาจเกิดขึ้น

29. พรีโกชินและหน่วยวากเนอร์ถอนทัพออกจากเมืองรอสตอฟออนดอนอย่างผู้ชนะ มีประชาชนเชียร์ มีการจับมือทักทายแฟน

30. ต่อมามีภาพประชาชนรอสตอฟออนดอนไปรุมยืนด่าเหล่าทหารรัสเซียที่ค่อยๆ เคลื่อนกำลังกลับมา เพราะตอนวากเนอร์ยึดเมืองพวกนี้เกียร์ว่างปล่อยให้วากเนอร์มายึดง่ายๆ

31. หลังจากหายหน้าไปนาน พรีโกชินก็ออกคลิปเสียง บอกว่า ไม่ต้องการล้มระบบปูติน เพียงแต่ต้องการประท้วง ไอ้ที่เห็นทั้งหมดคือ “การเดินขบวนประท้วงโดยสันติ”

32. เขาชี้ให้เห็นว่ากองทัพรัสเซียอ่อนแอแค่ไหน จึงปล่อยให้วากเนอร์มาถึงระยะ 200 กิโลจากเมืองหลวงได้

33. เขาชี้ให้เห็นว่ากองกำลังวากเนอร์อันกล้าแกร่งเป็นตัวอย่างของศักยภาพของทหารรัสเซียที่พึงเป็น หากมีการจัดการดี

34. เขาเสียใจที่ยิงเฮลิคอปเตอร์ตกหลายลำ และสังหารนักบินหลายคน แต่ก็จำต้องทำเพื่อป้องกันตัว

35. ปูตินประกาศตามมาว่า “จะจับหัวหน้ากบฏมาลงโทษ” (แม้จะไม่เอ่ยชื่อพรีโกชิน) และ “กลุ่มวากเนอร์ที่เคยก่อการ จะได้ option สวามิภักดิ์” สังเกตว่าสิ่งนี้ขัดแย้งกับข้อ 28. โดยโหดกับพรีโกชินมากขึ้น แต่ใจดีกับทหารวากเนอร์อื่นๆ มากขึ้น อาจเป็นทางให้แตกแยก

36. ต่อมามีการแพร่ภาพรัฐมนตรีกลาโหมชอยกู คู่กับปูตินแสดงให้ว่ายังอยู่ดี และเน้นย้ำว่าปูตินเลือกชอยกู

37. ปูตินบอกว่าปีที่ผ่านมารัฐบาลรัสเซียให้เงินกลุ่มวากเนอร์ไปราว สามหมื่นสี่พันล้านบาท และประกาศริบอาวุธหนักพวกวากเนอร์ แกจะไปไหนก็ไปแต่ต้องทิ้งอาวุธหนักไว้

38. ต่อมาลูกาเชนโกประกาศบอกว่าพรีโกชินมาถึงเบลารุสแล้ว

39. สำหรับพวกวากเนอร์ที่จะลี้ภัยตามมานั้นลูกาเชนโกบอกว่ามีค่ายร้างให้อยู่

40. ลูกาเชนโกบอกว่า timeline มันเป็นแบบนี้ คือวันที่ 24 มิ.ย. นั้นเขาโทรไปคุยกับปูตินด้วยความเป็นห่วง
– ปูตินบอกว่า “มันกำเริบมาก จะต้องบดขยี้คนทรยศ!”
– ลูกาเชนโกทัดทานว่า “คนกันเอง คุยกันก่อนๆ”
– ปูตินบอกว่า “โทรไปแล้วมันไม่รับสาย!”
– ลูกาเชนโกจึงว่า “เดี๋ยวผมขออาสาโทรเอง เพราะผมสนิทกับพรีโกชินอยู่”
– ปรากฏว่าลูกาเชนโกโทรติด พรีโกชินขอโทษเขาก่อน แล้วสบถด่าด้วยคำหยาบคายเป็นเวลานาน 30 นาที
– ลูกาเชนโกเกลี้ยกล่อมให้พรีโกชินใจเย็น ชี้ให้เห็นว่าพรีโกชินไม่มีทางชนะ
– พรีโกชินใจเย็นลงในที่สุด และบอกว่า “…แต่ถ้ายอมแพ้ก็ตายอะดิ…?”
– ลูกาเชนโกบอกว่า “ไม่เป็นไร ให้หนีมาเบลารุส เดี๋ยวเรารับประกันความปลอดภัยให้”
– ทั้งนี้จึงบรรลุดีล พรีโกชินหนีมาเบลารุส ซึ่งลูกาเชนโกให้การดูแลเขา

– และในลักษณะดังกล่าวลูกาเชนโกจึงได้ช่วยชีวิตพรีโกชินจากการบดขยี้ของปูติน

41. การรับรองพรีโกชินของลูกาเชนโก ขัดกับคำพูดของปูตินที่ว่าจะจับหัวหน้ากบฏมาลงโทษ เรื่องนี้คนวิเคราะห์กันหลายแนว:
– กระแสหนึ่ง เช่น ISW วิเคราะห์ว่า นี่อาจเป็นกับดักของปูตินในการทำให้พรีโกชินไม่ได้ผุดได้เกิด เพราะใครๆ ก็ทราบว่าลูกาเชนโกสวามิภักดิ์ปูติน
– อีกกระแส เช่น อัลจาซีรา บอกว่าลูกาเชนโกฉวยโอกาสนี้เอาพรีโกชินมาสร้าง “กองทัพส่วนตัว” ให้ตัวเอง จากที่เมื่อก่อนเขาก็เจอปัญหาทางการเมืองเหมือนกัน ในกระแสนี้ปูตินอาจประกาศปราบคนทรยศให้ดูเข้มแข็ง แต่จริงๆ ไม่ได้ทำอะไร หรือปูตินอาจอยากปราบ แต่เขาเริ่มคุมลูกน้องไม่อยู่แล้วก็เป็นได้เหมือนกัน

– โอเค มันมีอีกกระแสที่บอกว่าทั้งหมดเป็นแผนการอุยกายถวายเศียรที่พรีโกชินเตี้ยมกับปูตินแกล้งกบฏ เพื่อย้ายทัพไปตีเคียฟทางเบลารุสแบบเนียนๆ อะไรแบบนี้

42. ในความวุ่นวายของรัสเซีย ยูเครนฉวยโอกาส:
– ยึดสะพานแอนตันนอฟสกีซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำหรับข้ามแม่น้ำนีเปอร์ (สะพานถูกทำลายไปแล้ว แต่จุดนั้นต่อสะพานลอยน้ำมาข้ามไม่ยาก)
– ยึดหมู่บ้านริพโนพิล และหมู่บ้านทางตะวันออกและใต้อีกหลายหมู่บ้าน
– ชิงพื้นที่สมรภูมิบักมุตคืนมาได้ 600-1,000 เมตร
– ทั้งหมดนี้ไม่ได้เยอะ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความระส่ำระสายของทหารรัสเซีย ที่เสียขวัญจากวิกฤตการเมืองที่บ้าน