เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2024 ที่ผ่านมา กลุ่มต่อต้านซีเรียสามารถยึดครองกรุงดามัสกัส เมืองหลวงซีเรียได้สำเร็จ ทำให้ประธานาธิบดีอัสซาดจำเป็นต้องลี้ภัยไปรัสเซีย ชาวซีเรียต่างออกมาเฉลิมฉลองกับการโค่นล้มระบอบเผด็จการของตระกูลอัสซาดที่ปกครองซีเรียด้วยกำปั้นเหล็กยาวนานกว่า 53 ปี
หากช่วงเวลานี้ ซีเรียยังคงอยู่ในความสับสนว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร? เนื่องจากกลุ่มต่อต้านมีหลายฝักหลายฝ่ายและมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน ทำให้ตอนนี้ รัฐบาลรักษาการซีเรียต้องทำหน้าที่ประคับประคองประเทศนี้ต่อไปให้ได้ แถมชาวซีเรียในพื้นที่บางส่วนโดยเฉพาพชาวคริสต์และชาวชีอะห์ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยต่างรู้สึกหวาดกลัวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจนไม่เป็นอันกินอันนอนได้ลง
บทความนี้จึงจะมาทำให้ทุกท่านเข้าใจว่า ซีเรียมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? และจะเป็นอย่างไร? หลังตระกูลอัสซาดหมดอำนาจ
อัสซาดคือใคร? (Who is Assad?)
“อัสซาด” เป็นตระกูลทางการเมืองที่ปกครองประเทศซีเรียมาตั้งแต่ปี 1971 โดยฮาเฟซ อัล-อัสซาด หรือ อัสซาดผู้พ่อ ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีหลังจากรัฐประหารชิงอำนาจจากซาลาห์ จาดิด
อัสซาดผู้พ่อปกครองซีเรียโดยระบอบเผด็จการผ่านการสร้างลัทธิบูชาตัวบุคคล ไม่ยอมรับความเห็นต่าง ไม่เอาด้วยกับการเลือกตั้ง และปราบปรามฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรง จนทำให้เขาสามารถปกครองซีเรียได้ยาวนานจนเสียชีวิตในปี 2000 แล้วทางบาชาร์ อัล-อัสซาด ลูกชายคนรอง ก็ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีซีเรียต่อจากบิดา ซึ่งบาชาร์ อัล-อัสซาด หรืออัสซาดผู้ลูก ปกครองประเทศซีเรียจนถึงจุดอวสานเมื่อไม่นานนี้
อัสซาดเลวร้ายขนาดไหน?
อัสซาดผู้พ่อปกครองซีเรียโดยเชิดชูลัทธิบูชาตัวบุคคลคล้ายเกาหลีเหนือ และปราบปรามการลุกฮือของกลุ่มต่อต้านอย่างรุนแรง เช่น เหตุการณ์สังหารหมู่เมืองฮามา ปี 1982 ซึ่งอัสซาดมุ่งทำลายฝ่ายภราดรภาพอิสลาม จนทำให้เมืองกว่า 2 ใน 3 ถูกทำลาย
แม้ต่อมา อัสซาดผู้ลูกจะขึ้นมาปกครองซีเรียด้วยดีกรีจักษุแพทย์จากอังกฤษ ซึ่งทำให้เขาเปิดรับวัฒนธรรมตะวันตก และดูมีทีท่าว่าจะปกครองซีเรียให้มีเสรีภาพมากขึ้นกว่าเก่า หากเขากลับใช้โอกาสที่เปิดให้มีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างเปิดเผย ทำการกวาดล้างผู้เห็นต่างอย่างเปิดเผย โดยยังคงกระชับอำนาจเอาไว้ที่ตระกูลอัสซาด ซึ่งไม่อาจทำให้ประชาชนซีเรียรักใคร่เขามากนัก
สงครามกลางเมืองซีเรีย
ย้อนกลับไปเมื่อ 13 ปีก่อน คือ ปี 2011 จากเหตุการณ์อาหรับสปริงที่ปะทุขึ้นในตูนิเซีย ประชาชนชาวซีเรียได้ลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ ทางประธานาธิบดีอัสซาดจึงได้ใช้กำลังปราบปรามผู้ชุมนุมที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย จนบานปลายกลายเป็นสงครามกลางเมืองที่เต็มไปด้วยความสูญเสีย
ในช่วงสงครามกลางเมือง รัฐบาลอัสซาดได้ก่ออาชญากรรมสงครามไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทิ้งระเบิดลงบ้านเรือน, การโจมตีพลเรือน, หรือการโจมตีด้วยอาวุธเคมี ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย มีผู้เสียชีวิตจากสงครามกลางเมืองนี้แล้วเกินครึ่งล้าน และกว่า 12 ล้านคนต้องผลัดถิ่นจากบ้านตัวเอง ซึ่งสงครามไม่อาจจบลงได้โดยเร็ว เพราะยังคงมีชาติมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซง ทั้งฝ่ายอิหร่านและรัสเซียที่หนุนหลังอัสซาด หรือสหรัฐฯ และตุรกีที่หนุนกลุ่มกบฏต่างๆ
นอกจากนี้ ซีเรียยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะในช่วงสงครามกลางเมือง ซีเรียยังต้องเจอภัยคุกคามที่น่ากลัว อย่างพวก ISIS ที่ต้องการสร้างรัฐอิสลามขึ้น แต่ด้วยความร่วมมือจากทุกฝั่งฝ่าย ขบวนการที่ต้องการสร้างรัฐอิสลามอันยิ่งใหญ่ก็เป็นอันสิ้นสุดลงไป…
ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอัสซาด
ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอัสซาดมีมากมายหลายกลุ่ม โดยมีรวมตัวกันภายใต้ชื่อ “ซีเรียเสรี” (Free Syria) แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลของอัสซาดสามารถยึดคืนเมืองส่วนใหญ่ในซีเรียกลับมาได้ ด้วยความช่วยเหลือของรัสเซียและอิหร่าน แต่ไม่สามารถรุกคืนพื้นที่ทางเหนือและทางตะวันออก ซึ่งควบคุมโดยกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (Syrian Democratic Forces – SDF) กลุ่มพันธมิตรติดอาวุธที่สนับสนุนโดยสหรัฐฯ และนำโดยชาวเคิร์ด
นอกจากนี้ กลุ่มต่อต้านอัสซาดยังมีฐานที่มั่นสุดท้าที่เมืองอเลปโปและอิดลิบ ติดกับประเทศตุรกี โดยกลุ่มหลักที่ปกครองคือ กลุ่มฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม (Hayat Tahrir al-Sham – HTS) แต่ในขณะเดียวกันกลุ่มกบฏติดอาวุธที่เป็นพันธมิตรกลุ่มอื่น ๆ ก็มีฐานที่มั่นอยู่ที่นั่นด้วย ส่วนกองทัพแห่งชาติซีเรีย (Syrian National Army – SNA) ซึ่งเป็นกลุ่มกบฏที่มีตุรกีหนุนหลัง ก็ควบคุมพื้นที่ดังกล่าวด้วยการสนับสนุนจากกองทัพตุรกีเช่นกัน
HTS เคยก่อตั้งในชื่อ จาบัต อัล-นุสรา (Jabhat an-Nusra) ในปี 2011 ซึ่งขึ้นตรงกับกลุ่มอัลกออิดะห์ (Al Qaeda) ในฐานะพันธมิตร ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มต่อต้านที่มีประสิทธิภาพและอันตรายที่สุด แต่กลุ่มดังกล่าวมีแนวทางขัดแย้งกับซีเรียเสรี (Free Syria)
ต่อมาในปี 2016 อาบู โมฮัมเหม็ด อัล-จาวลานี ผู้นำของกลุ่ม ออกมาประกาศตัดความสัมพันธ์กับกลุ่มอัลกออิดะห์ต่อสาธารณชน และจัดตั้งองค์กรใหม่ที่มีชื่อว่า ฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม (HTS) อย่างไรก็ตาม สหประชาชาติ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร รวมถึงอีกหลายประเทศ ยังคงถือว่ากลุ่มฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม เป็นสาขาของกลุ่มอัลกออิดะห์
กลุ่ม HTS ได้กระชับอำนาจในเมืองอิดลิบและอเลปโปด้วยการกำจัดกลุ่มติดอาวุธคู่แข่งอื่น ๆ ทั้งกลุ่มอัลกออิดะห์ และกลุ่มย่อยของ IS แล้วได้ก่อตั้ง รัฐบาลกู้ชาติซีเรีย (Syrian Salvation Government) เพื่อปกครองพื้นที่ดังกล่าวตามหลักศาสนาอิสลาม และทำสงครามกับรัฐบาลอัสซาด
รัสเซีย-อิหร่าน มหาอำนาจที่อัสซาดพึ่งพิง
แต่ภายในรัฐบาลอัสซาดที่อ่อนแอจนใกล้ล่มสลายจากการสูญเสียพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ จึงทำให้รัสเซียเข้ามาแทรกแซง โดยการส่งกำลังทหารช่วยอัสซาดจนสามารถยึดคืนพื้นที่่คืนมาและฟื้นตัวได้ แต่มันทพให้รัฐบาลอัสซาดจำเป็นต้องพึ่งพิงชาติอำนาจอย่างรัสเซียและอิหร่านมาช่วยประคับประคองเพื่อต่อสู้กับฝ่ายกบฏ โดยมีฐานทัพรัสเซียประจำการในพื้นที่อีกด้วย
รัสเซียใช้ขุมกำลังทางอากาศที่มีอยู่อย่างมหาศาลของตน อิหร่านส่งที่ปรึกษาทางทหารและฮิซบอลเลาะห์กองกำลังติดอาวุธที่อิหร่านสนับสนุนในเลบานอนไปยังซีเรีย ทั้งยังส่งนักรบที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเข้าร่วมในสงครามด้วย
ซีเรีย อนาคตที่สดใส?
จากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป พันธมิตรของอัสซาดต่างมีปัญหาของตนเอง รัสเซียติดพันสงครามกับยูเคน อิหร่านจดจ่อกับอิสราเอลและปาเลสไตน์ จนทำให้ความสนใจในซีเรียลดน้อยลง และรัฐบาลอัสซาดอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง เพราะตัวของอัสซาดเองได้สูญเสียอำนาจจากการที่เขาไม่สามารถรักษาความมั่นคงและการควบคุมภายในประเทศได้ จากผลกระทบจากสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อเป็นเวลาหลายปี
จึงทำให้เมื่อกลุ่มอิสลามต่อต้านรัฐบาลที่ชื่อ ฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม (Hayat Tahrir al-Sham – HTS) ร่วมกับพันธมิตร ได้เปิดปฏิบัติการโจมตีสายฟ้าแลบเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2024 บุกยึดพื้นที่เมืองอเลปโป เมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศได้สำเร็จเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2024 พวกเขาก็ได้เดินขบวนลงมาทางใต้ด้วยถนนสายหลักมุ่งหน้าสู่กรุงดามัสกัส ในห้วงเวลาที่กองทัพซีเรียล่มสลาย
อัสซาดได้ลาออกจากตำแหน่งและลี้ภัยไปรัสเซีย และเปิดโอกาสให้ฝ่ายต่อต้านขึ้นมามีอำนาจ หากในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน นายกรัฐมนตรีซีเรีย โมฮัมเหม็ด กาซี จาลาลี ยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไป และมุ่งหวังความร่วมมือกับกลุ่มต่อต้าน ขณะที่กลุ่มต่อต้านยืนยันว่า จะรับประกันเสรีภาพสำหรับประชาชนทุกคน และจะไม่บังคับให้สตรีต้องสวมเครื่องแต่งกายแบบมุสลิม ทำให้ผู้คนจำนวนหนึ่งชุมนุมฉลองชัยชนะของกลุ่มต่อต้านตามจตุรัสต่าง ๆ ขณะที่บางพื้นที่มีชายถืออาวุธยืนประจำการอยู่บนถนน
แม้จะรู้สึกดีกับชัยชนะ แต่ชาวซีเรียบางส่วนก็รู้สึกหวาดกลัวและกังวลเกี่ยวกับอนาคตของพวกเขา เพราะนักวิเคราะห์หลายรายวิเคราะห์ว่า กลุ่มต่างๆที่ต่อต้านรัฐบาลอาจจะหันมาสู้กันเองเพื่อแย่งชิงอำนาจกันต่อ ซึ่งทำให้สงครามกลางเมืองในซีเรียไม่สามารถจบลงได้โดยง่าย คล้ายกับกรณีที่เกิดขึ้นในประเทศลิเบีย หรือชนกลุ่มน้อยในซีเรีย อย่างชาวอลาวี ซึ่งนับถือนิกายชีอะห์ หรือชาวคริสต์อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ในซีเรียอาจถูกตกเป็นเป้าหมายของการใช้ความรุนแรง เนื่องจากกลุ่ม HTS มีประวัติเชิงหัวรุนแรงทางศาสนา
หากชาวซีเรียพลัดถิ่นที่อาศัยในตุรกีและจอร์แดนต่างพาแห่ข้ามพรมแดนเพื่อกลับบ้าน เพราะพวกเขาเชื่อว่าระบอบใหม่จะสร้างอนาคตให้กับพวกเขา ซึ่งมันถือเป็นภาพที่ไม่ชินตานักสำหรับประเทศที่ผู้คนต่างทยอยออกนอกประเทศด้วยความสิ้นหวังเมื่อช่วงสิบปีที่ผ่านมา
0 Comment