“อารยธรรมเปอร์เซีย” ตั้งอยู่ในดินแดนที่แห้งแล้ง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้าสลับแนวทะเลทราย และเทือกเขาที่ราบสูงเต็มไปหมด แต่รู้หรือไม่ ในสภาพภูมิประเทศเช่นนี้ได้ก่อเกิด ศิลปะ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ดนตรี วรรณกรรม และปรัชญา ที่เป็นรากฐานมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมอื่น ๆ หลายพื้นที่ทั่วโลก หนึ่งในนั้นคือ “ยัคชาล (Yakhchal)”

ยัคชาล คือ นวัตกรรมโบราณของชาวเปอร์เซียที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อเอาตัวรอดในสภาพภูมิประเทศที่แห้งแล้ง โดยเรียกได้ว่าเป็นตู้เย็นในยุคสมัยก่อนก็ว่าได้ ทั้งยังสามารถผลิตน้ำแข็งได้ถึง 3 ล้านก้อนต่อปีอีกด้วย โดยคำว่า ยัค (yakh) หมายถึง น้ำแข็ง กับคำว่า ชาล (chal) หมายถึง หลุม ความหมายโดยรวมคือหลุมน้ำแข็ง หรือพูดง่าย ๆ ติดปาก คือ ตู้เย็นอเนกประสงค์ นั่นเอง

“ยัคชาล” มีลักษณะคล้ายกับจอมปลวกขนาดใหญ่ มีความสูงจากพื้นดินกว่า 10 – 15 เมตร ด้านล่างเป็นพื้นที่ใต้ดินขนาดใหญ่ถึง 5,000 ตารางเมตร. โดยยัคชาลจะก่อขึ้นจากดินผสมปูนขาว ไข่ขาว เศษผ้าซึ่งเป็นฉนวนกันความร้อนชั้นดี ด้านบนสุดมีการเจาะรูเล็กๆ ไว้เพื่อถ่ายเทอากาศเข้า-ออก ผนังที่หนากว่า 2 เมตรช่วยปกป้องอุณหภูมิภายในให้คงที่ อยู่ได้ในสภาพอากาศของทะเลทรายที่มีความแตกต่างกันมาก กลางวันร้อนระอุ แผดเผาทุกสรรพสิ่ง ส่วนกลางคืนหนาวเย็นเข้ากระดูก ถึงติดลบหลายองศา

         ชาวเปอร์เซียจะนำน้ำใส่ภาชนะวางไว้ด้านใน เมื่อผ่านช่วงกลางคืนไปแล้ว ในตอนเช้าจะได้น้ำแข็งที่สามารถเก็บไว้ใช้ประโยชน์ได้อีกหลายเดือนในช่วงฤดูร้อน

         หลักการทำงานของยัคชาลกล่าวได้ว่า อากาศเย็นที่มีน้ำหนักกว่าจะจมลงสู่เบื้องล่าง ส่วนอากาศร้อนจะลอยขึ้นข้างบนเพราะมีน้ำหนักที่เบากว่า ทำให้อากาศเย็นที่อยู่ด้านล่างกลายเป็นฉนวนอากาศที่ช่วยเก็บรักษาอาหารไว้ได้นานยิ่งขึ้น โดยพื้นที่ใต้ดินที่ใช้เก็บน้ำแข็ง จะมีตัวจับลม (Qanat) ที่สามารถทำให้อุณหภูมิภายในพื้นที่ลดลงถึงระดับเย็นจัดในวันฤดูร้อนได้อย่างง่ายดาย

         นอกจากเป็นเครื่องในการทำน้ำแข็งแล้ว “ยัคชาล” ยังเป็นที่เก็บหิมะ โดยในช่วงฤดูหนาวชาวเปอร์เปอร์จำนำหิมะมาเก็บไว้ที่ยัคชาล เพื่อนำไปบริโภคหรือทำเป็นอาหารให้กับคนชนชั้นสูง

         ในปัจจุบันสามารถพบ “ยัคชาล” ได้ในประเทศอิหร่าน ในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศแห้งแล้ง และชุมชน หมู่บ้านเก่าแก่โบราณ ซึ่งชาวอิหร่านยังคงอนุรักษ์ไว้เพื่อเสริมการท่องเที่ยว และเป็นอนุสรณ์ไว้ ว่าครั้งหนึ่งผืนแผ่นดิบแถบนี้เคยยิ่งใหญ่และรุ่งเรือง ภายใต้การปกครองของ “อารยธรรมเปอร์เซีย” มาก่อน