ประเทศ “มองโกเลีย” เป็นอดีตจักรวรรดิทางบกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ภายใต้การนำของนักรบที่ยิ่งใหญ่อย่าง “เจงกิสข่าน” ซึ่งในเดือน ก.ค. ที่จะถึงนี้จะมีงานเทศกาลประจำปีที่ใหญ่ที่สุดของมองโกเลีย ชื่อ “เทศกาลนาดัม” (Naadam Festival)
เทศกาลมีการแข่งกีฬาสามชนิด คือ ขี่ม้า ยิงธนู และมวยปล้ำ ทั้งหมดเป็นกติกาโบราณที่สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตของชาวมองโกลและวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา
🐎 ปี 2025❗The Wild Chronicles ขอพาท่านเดินทางไป “มองโกเลีย” : หมื่นม้าเทศกาลนาดัม🐎 เพื่อไปสัมผัสความยิ่งใหญ่ของ “จักรวรรดิมองโกล” และได้ประสบการณ์แปลกใหม่ จากการสัมผัสวัฒนธรรมพื้นถิ่นของมองโกเลียมากมาย
เรามาดูรายละเอียดกันดีกว่าครับว่า ทำไมต้องไป “มองโกเลีย” : หมื่นม้าเทศกาลนาดัม🐎 กับ The Wild Chronicles?

มองโกเลีย ไม่ได้เป็นเพียงประเทศที่มีแต่ทุ่งหญ้า ภูเขา ครอบครัวเร่ร่อน แต่ที่นี่มีความน่าสนใจหลักๆ คือ:
ในอดีต มองโกเลียเป็นรัฐคอมมิวนิสต์มานาน ทำให้เมืองหลวงอย่าง “กรุงอูลานบาตอร์” ยังมีโครงสร้างของเมืองเป็นแบบ ‘คอมมิวนิสต์นิยม’ คือ มีจัตุรัสกลาง มีโรงละคร มีตึกเป็นเหลี่ยมๆ และใช้ตัวอักษรรัสเซียเป็นอักษรหลักในการทำคาราโอเกะเป็นภาษามองโกล

แต่ก่อนหน้าคอมมิวนิสต์ครองนั้น มองโกลรับวัฒนธรรมทิเบต กลายเป็นเมืองลามะ พอผ่านยุคคอมมิวนิสต์ไป พุทธศาสนาก็กลับมาเฟื่องฟูใหม่ มีวัด มีลามะมากมาย กลายเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนานิกายวัชรยาน ซึ่งดูขัดแย้งกับโครงสร้างข้างต้น

เท่านี้ยังไม่เพียงพอ กรุงอูลานบาตอร์ยังเป็นสังคมทุนนิยมเกิดใหม่ที่มีความเหลื่อมล้ำสูง เนื่องจากสิบกว่าปีก่อน เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้น 2 อย่าง คือ:
1. การส่งออกทองคำและสินแร่เกิดเฟื่องฟูขึ้นมา
2. เกิดภัยหนาวครั้งใหญ่ ส่งผลทำให้คร่าชีวิตปศุสัตว์ไปกว่า 8 ล้านตัว ทำให้ชาวชนบทที่เป็นคนเร่ร่อน เลี้ยงแพะ เลี้ยงแกะจำนวนมาก ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว และถูกบีบให้อพยพมาทำงานในเมืองหลวง
ทำให้กรุงอูลานบาตอร์ในปัจจุบัน มีลักษณะเป็นตึกสูงทันสมัย แวดล้อมไปด้วยสลัมกระโจมของชาวชนบทที่อพยพเข้ามา ทอดยาวไปทั้งแนวเขา

ทุนที่เข้ามาพัฒนามองโกเลียนั้น เป็นทุนของประเทศเกาหลี ซึ่งมาทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ดังนั้นตัวเมืองของมองโกเลียจึงมีความคล้ายกับเมืองของเกาหลีใต้ โดยเฉพาะวัยรุ่นชาวมองโกลนั้น ชื่นชอบวัฒนธรรม K-POP มาก แต่ในขณะเดียวกัน ยังเคยมีร้านอาหารเกาหลีเหนือมาเปิดอย่างอลังการอีกด้วย

และหากออกจากตัวเมืองอูลานบาร์ตอร์มาเล็กน้อย ทุกท่านก็จะมองเห็นเป็นทุ่งหญ้าเวิ้งว้าง มีชาวบ้านขี่ม้า ต้อนแกะ พอตกกลางคืนก็นอนกางเต้นท์ดูดาวเกลื่อนฟ้า สวยงามเกินพรรณนา มองโกเลียเป็นประเทศที่คนน้อยพื้นที่เยอะ ผู้คนจำนวนมากยังเลี้ยงสัตว์เร่ร่อน เป็น “อีกโลก” ที่รอการมาพิสูจน์

เรียกได้ว่าเป็นประเทศที่มีความสุดขั้วในหลายๆ อย่าง เมื่อหลากหลายวัฒนธรรมได้รวมอยู่ในประเทศเดียว ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่อยากให้พลาดเลยครับ
ส่วนอาหารยอดนิยมของที่นี่จะเป็นเนื้อซึ่งอร่อยมาก โดยเฉพาะเนื้อม้า ไม่มีความมัน รสชาติไม่คาว ซึ่งรับประกันได้เลยว่า ถ้ามามองโกเลียแล้วจะเจออะไรที่เกินคาดมากๆ

ไฮไลท์ของโปรแกรมคือเทศกาลสุดยิ่งใหญ่ที่ชื่อว่า “เทศกาลนาดัม” (Naadam Festival) ถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ สนามกีฬาแห่งชาติ ในกรุงอูลานบาตอร์ เทศกาลนาดัมเป็นเทศกาลทางวัฒนธรรมที่ใหญ่และสำคัญที่สุด โดยมีกีฬาแบบดั้งเดิม 3 ประเภทหลัก ได้แก่ มวยปล้ำ ขี่ม้า และยิงธนู
ซึ่งกีฬาทั้ง 3 นี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก เพราะได้มาจากทักษะและความสามารถของกองทัพ ‘เจงกีสข่าน’ ผู้นำจักรวรรดิมองโกล ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนแห่งนี้ โดยเทศกาลนี้เสมือนกับการเฉลิมฉลองวัฒนธรรมอันยาวนานของมองโกเลีย และความเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์กับกองทัพเจงกีสข่าน

โดยเราจะแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับกีฬาประเภทแรก คือ การแข่งขันมวยปล้ำ สุดเร้าใจ! หรือที่เรียกว่า Mongolian National Wrestling โดยการแข่งขันประเภทนี้จะแสดงให้เห็นทักษะการเอาชนะคู่ต่อสู้ของนักมวยปล้ำอย่างแท้จริง พวกเขาจะก้าวเข้าสู่สนามด้วยเสื้อที่เป็นเอกลักษณ์แบบเปลือยอก นุ่งกางเกงขาสั้น และสวมรองเท้าบูทยาว เมื่อเริ่มเกม การแข่งขันจะดำเนินไปในรูปแบบทัวร์นาเมนต์แพ้คัดออก ซึ่งอาจมีนักมวยปล้ำลงสนามกว่า 512 คน
กีฬาประเภทนี้จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของผู้เข้าแข่งขันเป็นอย่างมาก ต่างจากการแข่งขันอื่นๆ ตรงที่ว่า ไม่มีการแบ่งกลุ่มน้ำหนัก จึงเป็นการทดสอบความแข็งแรงอย่างแท้จริง

ต่อมาคือ การแข่งขันขี่ม้า ที่สนามแข่งม้าเทศกาลนาดัม โดยท่านจะพบกับนักแข่งม้าที่มาจากทั่วทุกมุมของมองโกเลีย พร้อมสัมผัสประสบการณ์อันในการชมที่ไม่เหมือนใครในโลก เพราะการแข่งที่นี่จะไม่มีลู่แข่ง ทั้งผู้เข้าแข่งขันและผู้ชมต่างขี่ม้ามารวมกันอยู่ในทุ่งหญ้า จนกลายเป็นคำกล่าวขานว่า “หมื่นม้าเทศกาลนาดัม”

และสุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด คือ การแข่งขันยิงธนู (Naadam Archery) ถูกจัดขึ้นที่สนามกีฬา ในระหว่างกิจกรรมนี้ นักธนูทั้งชายและหญิงจะเข้าร่วมด้วยชุดแต่งกายแบบดั้งเดิมที่ดูมีชีวิตชีวา ซึ่งเป็นชุดประจำชาติของตน โดยการแข่งขันนี้เป็นประเพณีที่สืบทอดมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 และดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากกีฬาที่น่าตื่นเต้นทั้ง 3 แล้วนั้น เรายังเชิญชวนทุกท่านให้มาร่วมชมหนึ่งในไฮไลท์ที่สำคัญคือ การแข่งขันเกมยิงกระดูก หรือ Ankle-Bone Shooting ที่เป็นหนึ่งในมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่สำคัญขององค์การยูเนสโก โดยกีฬาแบบดั้งเดิมนี้จะให้ผู้แข่งขันวางกระสุนที่ทำจากกระดูกสัตว์ลงบนแท่นยิงปืน และใช้นิ้วพลิกกระสุนเข้าไปยังเป้าหมายซึ่งเรียงกันอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยม เรียกได้ว่าเป็นภาพที่หาชมได้ยากที่แท้จริง

พูดถึงอาหารมองโกล ภาพลักษณ์ของมันคือ “เถื่อนๆ แมนๆ” ต่อมาคือ “เรียบง่าย พิสดาร แหกกฎทุกตำราอาหาร” และสิ่งสุดท้ายที่ต้องอุทานออกมาคือ “อร่อย” มันเป็นความอร่อยที่มากมาย จนไม่คิดว่าประเทศที่ทุรกันดารขนาดนี้ จะมีอาหารอร่อยขนาดนี้!”
ซึ่งประเทศมองโกเลียมีสัณฐานเป็นทุ่งหญ้าเวิ้งว้าง สลับทะเลทราย ต้นไม้ ผักหญ้า และทรัพยากรน้ำนั้นหาได้ยากยิ่ง ผู้คนที่นี่ดำรงชีวิตโดยการเลี้ยงปศุสัตว์ แพะ แกะ วัว ม้า อูฐ
ดังนั้น อาหารมองโกลแต่โบราณจึงแบ่งเป็นสองประเภท คือ “อาหารแดง” หมายถึง เนื้อสัตว์ที่เอามาปรุงในแบบต่างๆ กับ “อาหารขาว” คือ ผลิตภัณฑ์จากนม สำหรับชาวมองโกลแล้วเป็นเหมือนของวิเศษที่พระเจ้าประทานให้

ชาวมองโกลมีความเชี่ยวชาญในการแปรรูปนม พวกเขานำนมมาผลิตเนย ชีส โยเกิร์ต ไอรัก (เหล้านมม้า) และสิ่งพิสดารนานาประการ
สำหรับ “แป้ง” นั้น เป็นของที่เข้ามาทีหลัง เกิดขึ้นเมื่อมองโกลไปตีดินแดนที่พอปลูกข้าวได้ และ “ผัก” เป็นของที่มาทีหลังสุด เกิดจากการค้าขายแลกเปลี่ยนนำเข้า
ที่นี่มีเนื้อแกะ เนื้อแพะ และเนื้อม้า ซึ่งเป็นของหาง่าย ราคาถูก ส่วนเนื้อหมูกับเนื้อไก่เป็นของหายาก และพอออกจากเขตเมืองแล้ว “สลัดผัก” นั้นเป็นของประหลาด หายาก และไม่ค่อยมี การมามองโกเลีย จึงเป็นการได้พบกับ “อาหารอีกแบบหนึ่ง” ซึ่งอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อทีเดียว!

ซึ่งเรื่องอาหารการกินนี้ เราใส่ใจเลือกเมนูที่ดีที่สุดให้ทุกท่าน ให้มามองโกลแบบเข้าถึงวิถีชีวิตของชาวมองโกลจริงๆ และไม่ว่าท่านจะมี condition ทางอาหารอย่างไร กินเนื้อไม่ได้ กินแพะไม่ได้ เราก็สามารถจัดให้ทานอย่างดีที่สุด และให้เข้าถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นให้มากที่สุด

นอกจากนี้ ทุกท่านจะได้เยือนอุทยานแห่งชาติฮุสไต ที่ขึ้นชื่อเรื่องม้าป่า เพราะที่นี่เป็นที่อยู่ของม้าเพรเซวาลสกี้ (Przewalski) มากกว่า 800 ตัว โดยม้าเหล่านี้เป็นสายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์และใกล้สูญพันธุ์ เรียกได้ว่าเป็นม้าป่าฝูงสุดท้ายที่มีในโลก นอกจากนั้นแล้ว ภายในอุทยานยังเป็นที่อยู่ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและนกที่ใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด ทั้งสายพันธุ์ท้องถิ่น ไปจนถึงระดับโลกเลยทีเดียว…

และทุกท่านจะได้รับประสบการณ์จากการเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวในทุ่งหญ้าที่ยังคงใช้ชีวิตแบบเร่ร่อน อพยพตามฝูงสัตว์ที่เปลี่ยนที่กินหญ้าไปเรื่อยๆ โดยทุกท่านจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมการเลี้ยงสัตว์แบบโบราณ แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไปก็ตาม..

มองโกเลียยังมีเรื่องเล่าประวัติศาสตร์อีกมากมายที่ยาวนานกว่า 1,000 ปี ทั้งวัฒนธรรมและอารยธรรมต่างๆ ได้ทิ้งร่องรอยไว้ในประเทศ และสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นในสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย แสดงให้เห็นมรดกทางวัฒนธรรมในอดีต ตั้งแต่วัดพุทธโบราณไปจนถึงที่อยู่อาศัยเร่ร่อนแบบดั้งเดิม ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าทุกท่านได้เดินทางไปกับเรา ท่านจะได้รับฟังการบรรยายและได้สาระความรู้แบบเต็มอิ่ม…
สุดท้ายนี้ เราขอฝากทัวร์ “มองโกเลีย” : หมื่นม้า “เทศกาลนาดัม” 🐎 ด้วยนะครับ โดยการเดินทางครั้งนี้เป็นเส้นทางพิเศษที่ตั้งใจพาท่านไปเข้าใจวิถีชีวิตของชาว “มองโกล” ผ่านเทศกาลประจำปีสุดยิ่งใหญ่ พร้อมชื่นชมธรรมชาติอันงดงามและสถานที่ทางประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า
อย่าพลาด! ทริปใหม่สุดพิเศษที่ได้ทั้งประวัติศาสตร์และธรรมชาติแบบนี้! เดินทางวันที่ 9-16 กรกฎาคม 2025 โดยทริปนี้เดินทางร่วมกับ “คุณปั๊บ” เจ้าของเพจ The Wild Chronicles ซึ่งจะพาท่านไปกับพบความรู้ที่แปลกใหม่ ในสถานที่ที่ซ่อน “ความไม่ธรรมดา” เอาไว้มากมาย

รับประสบการณ์ที่แตกต่าง และสัมผัสบรรยากาศแบบใหม่ที่อาจไม่เคยลิ้มลอง หากท่านใดสนใจขอโปรแกรม สามารถติดต่อได้ทาง หมายเลข 082-894-8444, 089-927-6446 หรือแอด LINE OA ได้ที่ @thewildchronicles (พิมพ์ @ ด้านหน้า) และพิมพ์ว่า “สนใจทัวร์มองโกเลียนาดัม” ได้เลยนะครับ หรือกดปุ่ม “จองทัวร์” ได้เลยครับ
0 Comment