เรามักคุ้นชินกับมหกรรมกีฬาอันยิ่งใหญ่อย่าง โอลิมปิก ซีเกม หรือมหกรรมกีฬานานาชาติอื่นๆ ที่มีผู้รับชมจากทั่วโลกจำนวนมาก
แต่รู้หรือไม่? ยังมีมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ของชนเผ่าขึ่ม้าเร่ร่อนแห่งเอเชียกลาง ที่มีนักกีฬากว่า 3,000 คน และประเทศกว่า 102 ประเทศ เข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้
กีฬาในมหกรรมนี้ไม่เหมือนกีฬาใดๆ ที่คุณเคยรับชมมาก่อน เพราะมันคือกีฬาของชนเผ่าเร่ร่อน มีทั้งความดิบ ความเถื่อน และคงความดั้งเดิม จากรากเหง้าที่สืบทอดมากว่าหลายร้อยปีของพวกเขาไว้ นั่นคือ มหกรรมกีฬาชนเผ่าเร่ร่อนโลก ( World Nomad Games )
ภายในมหกรรมกีฬาครั้งนี้ มีกีฬาที่น่าสนใจมากมายไม่ว่าจะเป็น กีฬาค็อกโบรู หรือ โปโลแพะ กีฬาขี่ม้ายิงธนู กีฬามวยปล้ำฉบับชนเผ่าเร่รอน และอื่นๆอีกจำนวนมาก
นี่คือมหกรรมกีฬาสำหรับยอดชนเผ่าโดยเฉพาะ เพื่อพิสูจณ์ว่าประเทศใดคือยอดชนเผ่าที่แกร่งที่สุด
นี่คือมหกรรมกีฬาที่ไม่เหมือนใคร และหาชมได้ยากในปัจจุบัน
มหกรรมกีฬาชนเผ่าเร่ร่อนโลก คืออะไรติดตามไปพร้อมกันครับ..
________________________________________
🐎 จุดกำเนิด
🐎 กีฬาต่างๆ ในการแข่งขัน
🐎 เปรียบดั่งพื้นที่ทางวัฒนธรรม
🐎 ปัญหาที่ต้องคำนึงถึง
🐎 มหกรรมกีฬายุคใหม่
________________________________________
🐎 จุดกำเนิด
1. ในปี 2010 ณ ประเทศขนาดเล็กแห่งหนึ่งในเอเชียกลาง ประเทศที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติอันโดดเด่น หรือระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ความเจริญกระจุกตัวอยู่เพียงบางเมือง โดยเฉพาะเมืองหลวง แม้จะมีภูมิประเทศที่สวยงามน่าหลงไหล แต่ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักในสายตาชาวโลก สิ่งเดียวที่ประเทศนี้มีและหวงแหนมันมากคือมรดกทางวัฒนธรรมเร่ร่อนที่สืบทอดกันมายาวนาน ตั้งแต่ก่อนยุคจักรวรรดิมองโกลเสียอีก
2. ประเทศนั้นคือคีร์กีซสถาน ภายใต้การนำของประธานาธิบดี อัลมาซเบ็ค อาตัมบาเยฟ (Almazbek Atambayev) เขามองเห็นว่า “กีฬาและวัฒนธรรม” อาจเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างอัตลักษณ์ระดับนานาชาติให้กับประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้ แนวคิดในการจัดมหกรรมกีฬาสำหรับชนเผ่าเร่ร่อนโดยเฉพาะจึงได้ถือกำเนิดขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและฟื้นฟูความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมเร่ร่อนของเอเชียกลาง ซึ่งกำลังเผชิญกับการถูกกลืนกลายจากโลกยุคใหม่
3. โดยรูปแบบหลักของมหากรรมกีฬา คือการรวบรวมชนเผ่าเร่ร่อนและประชาชนจากประเทศต่างๆ ที่มีรากเหง้าทางวัฒนธรรมคล้ายคลึงกันกับคีร์กีซสถาน เช่น มองโกเลีย คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน ตุรกี อัฟกานิสถาน ไปจนถึงฮังการี ผ่านการแข่งขันกีฬาพื้นบ้านของชนเผ่าเร่ร่อนต่างๆ
4. เป้าประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างคือการสร้าง “ซอฟต์พาวเวอร์” (Soft Power) ของประเทศในเอเชียกลาง โดยเฉพาะคีร์กีซสถานเองที่ต้องการแสดงตัวตนของตัวเองให้เป็นที่รู้จักในเวทีโลก ที่วัฒนธรรมส่วนใหญ่ถูกครอบงำโดยอิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตก
งานนี้จึงถูกออกแบบให้มีทั้งการแข่งขันกีฬา การแสดงพิธีกรรม และเวิร์กช็อปด้านวัฒนธรรมแบบเร่ร่อน ครอบคลุมทุกแง่มุมตั้งแต่ดนตรี อาหาร การแต่งกาย ไปจนถึงการสร้างกระโจม ทำให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งในเชิงวิถีชีวิตและปรัชญาทางวัฒนธรรม
5. มหกรรมกีฬาชนเผ่าเร่ร่อนโลก จึงได้ประเทศคีร์กีซสถานเป็นเจ้าภาพจัดงานครั้งแรกในปี 2014 ที่เมืองโชลพอน-อาตา (Cholpon-Ata) ริมทะเลสาบอิซซึค-คูล (Issyk-Kul) โดยมีประเทศเข้าร่วมมากกว่า 20 ประเทศ และเริ่มได้รับความสนใจจากสื่อระดับโลกมากมาย ทำให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดงานทุก ๆ 2-4 ปีในเวลาต่อมา
_________________________________________________
🐎 กีฬาต่างๆ ในการแข่งขัน
6. หัวใจหลักของมหกรรมกีฬาครั้งนี้คือ “กีฬาที่แสดงออกถึงวัฒนธรรม จิตวิญญาณ และวิถีชีวิตของชนเผ่าเร่ร่อนที่สืบทอดกันมานับพันปี” กีฬาที่ใช้ในการแข่งขันล้วนมีต้นกำเนิดจากภูมิประเทศแบบทุ่งหญ้า ภูเขา และเส้นทางเร่ร่อน โดยมากเกี่ยวข้องกับการขี่ม้า ความแข็งแกร่งของร่างกาย การใช้สติปัญญา และการเอาตัวรอดในธรรมชาติที่ท้าทาย
7.กีฬาที่โดดเด่นที่สุดในงานคือกีฬาค๊อกโบรู (Kok-boru) หรือที่ถูกเรียกว่าโปโลแพะ เป็นกีฬาที่มีต้นกำเนิดในคีร์กีซสถานและคาซัคสถาน เนื่องจากชนเผ่าเร่ร่อนต้องคอยขี่ม้าแย่งชิงแกะ จากพวกหมาป่าที่มักขโมยแกะของพวกเขาไป
8. การแข่งขันจะใช้ซากแพะหนักราว 30 กิโลกรัมเป็น “ลูกบอล” โดยมีนักกีฬาขี่ม้า 4 คนต่อทีม ทำหน้าที่แย่งชิงซากแพะจากกันแล้วพยายามนำไปโยนลงในหลุมของฝ่ายตรงข้ามจึงจะถือว่าได้แต้ม
โดยสนามที่ใช้แข่งขันเป็นลานดินเปิดขนาดใหญ่ ผู้เล่นต้องอาศัยทั้งความเร็ว ความแข็งแรงของม้าและผู้เล่นเองเพราะต้องแบกซากแพะที่หนักมากๆ และต้องประสานงานกันเป็นทีม โดยนักกีฬาแต่ละคนต้องมีทักษะการขี่ม้าในระดับสูงอีกด้วย
9. หนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมคือ กีฬายิงธนูบนหลังม้า ซึ่งมีผู้เข้าแข่งขันจากหลายประเทศ เช่น มองโกเลีย ตุรกี ฮังการี และเกาหลีใต้
ผู้แข่งขันจะต้องยิงเป้าระหว่างที่ม้ากำลังวิ่งเต็มฝีเท้า ทักษะนี้เคยเป็นหัวใจของกองทัพเร่ร่อนในอดีตโดยเฉพาะกองทัพมองโกล ที่สามารถยิงธนูได้แม่นยำขณะควบม้าในความเร็วสูงได้ เกณฑ์การแข่งขันจะใช้ระยะเวลาในการยิงและความแม่นยำของลูกศรจะเป็นตัวตัดสินชัยชนะ
10. กีฬาคูราช (Kurash) หรือมวยปล้ำเร่ร่อนก็เป็นอีกหนึ่งรายการสำคัญที่มีผู้ชมจำนวนมาก เป็นกีฬาต่อสู้ที่มีรากฐานมาจากอุซเบกิสถานและคาซัคสถาน นักกีฬาจะต้องจับเสื้อคู่ต่อสู้แล้วพยายามทุ่มให้ล้มลงให้ได้ มีลักษณะใกล้เคียงกับมวยปล้ำญี่ปุ่น (ซูโม่) หรือยูโด แต่มีลีลาและการทักษะที่แตกต่างกันเล็กน้อย
11. ตัวอย่างสุดท้ายคือ กีฬาเออร์เอนิช (Er Enish) หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า มวยปล้ำบนหลังม้า เป็นกีฬาดั้งเดิมที่ใช้ทดสอบความแข็งแกร่ง และความสามารถในการควบคุมม้าในสถานการณ์ที่ไม่มั่นคง
ในการแข่งขันเออร์เอนิช นักกีฬาจะขี่ม้าและพยายามจับคู่ต่อสู้ที่อยู่บนหลังม้าเช่นกัน โดยเป้าหมายคือการดึง ทุ่ม หรือเหวี่ยงคู่ต่อสู้ออกจากหลังม้าให้ได้
สิ่งที่ทำให้ เออร์เอนิช แตกต่างจากกีฬาปล้ำทั่วไปคือ ความยากในการรักษาสมดุลบนหลังม้าที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว นักกีฬาต้องมีทักษะการขี่ม้าระดับสูง ควบคู่กับแรงกล้ามเนื้อ ความคล่องตัว และการมีสัญชาตญาณการต่อสู้ นักกีฬาชนิดนี้ส่วนใหญ่จะเริ่มฝึกฝนตั้งแต่ในวัยเด็ก เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวบนหลังม้า ซึ่งเป็นทักษะที่สืบทอดกันมาในวิถีชีวิตเร่ร่อนดั้งเดิม
_________________________________________________
🐎 เปรียบดั่งพื้นที่ทางวัฒนธรรม
12. นอกจากเป็นเวทีการแข่งขันกีฬาระดับนานชาติแล้ว มหกรรมกีฬาครั้งนี้ยังเป็น “พื้นที่วัฒนธรรม” ที่ชนเผ่าเร่ร่อนจากทั่วภูมิภาคยูเรเชียจะได้ใช้แสดงตัวตนทางวัฒนธรรมของตนได้อย่างเต็มภาคภูมิ
โดยในทุกๆ ครั้งที่มีการจัดงานนี้ มิติทางวัฒนธรรมของชนเผ่าจะถูกแสดงออกผ่านองค์ประกอบหลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย พิธีกรรม จนถึงรูปแบบการใช้ชีวิตที่สะท้อนรากเหง้าของพวกเขาอย่างแท้จริง
13. หนึ่งในสิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือ “การแต่งกายประจำเผ่า” ซึ่งผู้เข้าร่วมจากแต่ละประเทศหรือกลุ่มชาติพันธุ์จะสวมชุดดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ชุดเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงเสื้อผ้า แต่เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงภูมิอากาศ วิถีชีวิต และฐานะทางสังคมของแต่ละเผ่า
เช่น ชาวคีร์กีซจะสวมเสื้อคลุม ชาปัน (chapan) และหมวกขนสัตว์ คัลปัก (kalpak) ส่วนชาวคาซัคจะสวมชุดปักลวดลายทองแบบนักรบเร่ร่อน ชาวมองโกเลียมักสวม เดล (deel) ซึ่งเป็นเสื้อคลุมแบบดั้งเดิมที่มักใช้ขณะขี่ม้าหรือออกเดินทางระยะไกลเป็นต้น
14. ในส่วนพิธีเปิดและปิดของงาน ก็ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่สร้างความประทับใจให้ผู้รับชมได้เสมอมา โดยแต่ละปีจะมีการเลือก “เรื่องเล่า” ที่สะท้อนตำนานและความเชื่อของชนเผ่าเร่ร่อน เช่น เรื่องการเดินทางของนักรบผู้กล้า ตำนานเทพแห่งทุ่งหญ้า หรือการรวมใจของชนเผ่าทั้งหลายเพื่อเอาชนะภัยธรรมชาติ มาใช้ในพิธีเปิดหรือปิดงาน
โดยพิธีเปิดจะใช้การแสดงขนาดใหญ่ที่ผสมผสานระหว่างการเต้นรำพื้นบ้าน แสง สี เสียง และการขี่ม้าเข้าฉาก โดยมีนักแสดงกว่าร้อยคนที่สวมชุดประจำเผ่าจริง มาร่วมร้อยเรียงเรื่องราวเหล่านั้นแบบมหากาพย์กลางแจ้งที่งดงามอย่างยิ่ง
_________________________________________________
🐎 ปัญหาที่ต้องคำนึงถึง
15. แม้มหกรรมกีฬาชนเผ่าเร่ร่อนโลกจะประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูและเผยแพร่วัฒนธรรมเร่ร่อนสู่เวทีโลก แต่ในหนึ่งความท้าทายสำคัญที่สุดคือ “ความยั่งยืนของวัฒนธรรมในโลกยุคโลกาภิวัตน์” พวกเขาต้องการคงความ “แท้จริง” ของวิถีเร่ร่อนไว้โดยพยามยามไม่แปรเปลี่ยนให้กลายเป็นเพียงโชว์เพื่อการท่องเที่ยว หรือเทศกาลพื้นบ้านในเชิงพาณิชย์เพียงอย่างเดียว
16. ในขณะที่อีกปัญหาที่ต้องคำนึงคือ “การเมืองระหว่างประเทศ” ที่ซับซ้อนระหว่างชาติพันธุ์ กลุ่มชน และมหาอำนาจ เช่น รัสเซีย จีน ตุรกี และกลุ่มประเทศตะวันตก
การใช้เป็นเวทีมหากรรมกีฬานี้เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศถือเป็นจุดแข็ง แต่ก็เป็นดาบสองคมอีกด้วย เพราะหากมีความขัดแย้งทางการเมืองเกิดขึ้น เช่น ความตึงเครียดชายแดน หรือการแข่งขันเชิงอิทธิพลในภูมิภาค ก็อาจกระทบต่อการจัดงาน การคัดเลือกเจ้าภาพ หรือการเข้าร่วมของบางประเทศได้เช่นกัน
_________________________________________________
🐎 มหกรรมกีฬายุคใหม่
17. แม้ในแง่วัฒนธรรมและกีฬาที่ต้องการคงความดั้งเดิมของเอาไว้ แต่ในอีกด้าน ก็เริ่มเปิดรับเทคโนโลยีและกระแสโลกยุคใหม่ควบคู่กันไป ในอีกด้านมหกกรรมกีฬานี้เริ่มปรับตัวให้สอดรับกับโลกยุคดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง
การแข่งขันที่เคยรับชมได้เฉพาะในพื้นที่จัดงาน ถูกพัฒนาให้สามารถถ่ายทอดสดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น YouTube, Facebook Live หรือแม้แต่แพลตฟอร์มของรัฐบาลเจ้าภาพ เพื่อให้ผู้ชมทั่วโลกเข้าถึงกีฬาเหล่านี้ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
18. การแข่งขันมหกรรมกีฬาชนเผ่าเร่ร่อนโลกพึ่งมีการจัดแข่งขันครั้งล่าสุดไปในปี 2024 แต่การแข่งขันครั้งต่อไปมีกำหนดจัดขึ้นในปี 2026 หรือในอีกไม่นานหลังจากนี้..
ในโลกที่มุ่งสู่ความทันสมัย ชนเผ่าเร่ร่อนยังคงยืนหยัดในรากเหง้าและความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมดั้งเดิมของตน และมหกรรมนี้คือพื้นที่ที่พวกเขาได้บอกเล่าเรื่องราวนั้นด้วยวัฒนธรรมของตนเอง ผ่านม้า ธนู กระโจม และจิตวิญญาณของชนเผ่าเร่ร่อนแห่งทุ่งหญ้ากว้างนี้
_________________________________________________
(แถม) อย่างไรก็ตาม หากท่านสนใจรับชมกีฬาเหล่านี้ด้วยตัวท่านเอง โดยไม่ต้องรอถึงปี 2026 The Wilds Chronicles มีทัวร์ที่พร้อมพาทุกท่านไปรับภายในปี 2025 เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นทัวร์คีร์กีซสถานที่ท่านจะได้ชมกีฬาค็อกโบรู หรือ การใช้อินทรีล่าสัตว์ของชนเผ่าขี่ม้าเร่ร่อน
ทัวร์มองโกลเลียใน “เทศกาลนาดัม” (Naadam Festival) เทศกาลนี้มีการแข่งขันกีฬาแบบดั้งเดิมมากมายโดยมุ่งเน้นไปที่กีฬา 3 ประเภท ทั้งการแข่งขันขี่ม้า การแข่งขันมวยปล้ำ และการแข่งขันยิงธนู
และหรือหากต้องการสัมผัสธรรมชาติและทิวทัศน์อันงดงามเราก็มีทัวร์ “ปามีร์ไฮเวย์” ถนนหลวงที่เชื่อมระหว่างประเทศต่างๆ ในเอเชียกลางเข้าไว้ด้วยกัน โดยถือเป็น “หนึ่ง ในเส้นทางที่มีความสวยงามที่สุดในโลก” จนได้รับการขนานนามว่า “ถนนบนท้องฟ้า”
_________________________________________________
#TWCSummary #TWCKyrgyzstan #TWCMongolia #TWCTajikistan #TWCUzbekistan #TWC_Salmon
0 Comment