“เส้นทางสายไหม” เป็นเส้นทางการค้าที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ 📚 ในการเชื่อมโยงโลกตะวันออกและโลกตะวันตกเข้าด้วยกัน โดยเส้นทางนี้ทอดยาวจากเมืองซีอานในประเทศจีน ไปจนถึงกรุงโรมในประเทศอิตาลี รวมกว่า 6,400 กิโลเมตร
รู้หรือไม่? เส้นทางสายไหมถูกค้นพบด้วยความบังเอิญ เมื่อ “จางเชียน” ทูตชาวจีนได้ค้นพบ “ระเบียงกานซู่” (Gansu Corridor) พื้นที่แคบๆ ระหว่างทางกันดารที่มีน้ำไปตลอด ซึ่งสามารถใช้เป็นเส้นทางติดต่อระหว่างจีนไปเอเชียกลางได้
นอกจากนี้ เส้นทางสายไหมยังเป็นเส้นทางที่ “พระถังซัมจั๋ง” ใช้ในการอัญเชิญพระไตรปิฎก ทำให้หลายสถานที่รอบเส้นทางแห่งนี้ปรากฏอยู่ในวรรณกรรมเรื่อง “ไซอิ๋ว” 🐒
The Wild Chronicles ขออาสาพาท่านไปร่วมตามรอยอัญเชิญพระไตรปิฎก มหามรรคาประวัติศาสตร์ซึ่งเชื่อมโลก
ทริปสุดพิเศษรอช้าไม่ได้! ออกเดินทางวันที่ 8-16 กันยายน 2025! เต็มอิ่มกว่า 9 วัน 8 คืน
…อย่าช้ารีบจองเลย!…
เรามาดูกันดีกว่าครับว่า ทำไมต้องไป “จีน: เส้นทางสายไหม” ร่วมอัญเชิญพระไตรปิฎก กับ The Wild Chronicles?

ช่วงต้นราชวงศ์ฮั่น จีนโดน “ซงหนู” ชนเผ่าเร่ร่อนทางตอนเหนือรุกราน จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ทรงต้องการหาพันธมิตรเพื่อต่อสู้กับซงหนู จึงส่งราชทูต “จางเชียน” 👲 ออกเดินทางไปยังเอเชียกลางเพื่อติดต่อเผ่าเยว่จือ ให้ร่วมเป็นพันธมิตร 🫱🏻🫲🏼
การเดินทางครั้งนี้ จางเชียนได้ค้นพบ “ระเบียงกานซู่” (Gansu Corridor) พื้นที่แคบ ๆ ระหว่างภูมิประเทศกันดารซึ่งมีแหล่งน้ำต่อเนื่อง 🏞️
ราชสำนักฮั่นจึงเริ่มให้ความสำคัญกับการค้ากับเอเชียกลาง และพัฒนาเส้นทางสายไหมขึ้น โดยเส้นทางนี้เชื่อมจีนกับเอเชียกลางและไปไกลถึงอินเดีย เปอร์เซีย ตะวันออกกลาง และยุโรป 🌍

เส้นทางสายไหมรุ่งเรืองถึงขีดสุดสมัยราชวงศ์ถัง โดยเฉพาะรัชสมัยถังไท่จง ซึ่งในยุคนี้นี่เอง “พระถังซัมจั๋ง” ได้ใช้เส้นทางสายไหมเดินทางเพื่อมุ่งหน้าสู่ชมพูทวีปหรืออินเดียในปัจจุบัน เพื่อไปศึกษาพุทธศาสนาและนำพระสูตรต้นฉบับมายังแผ่นดินจีน

เรื่องราวของท่านกลายเป็นแรงบันดาลใจให้อู๋เฉิงเอิน กวีสมัยราชวงศ์หมิงเขียนวรรณกรรมเรื่อง “ไซอิ๋ว” หนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมจีน โดยไซอิ๋วเป็นเรื่องราวการอัญเชิญพระไตรปิฎกของพระถังซัมจั๋ง พร้อมศิษย์ทั้งสาม ได้แก่ เห้งเจีย 🙉 ตือโป๊ยก่าย 🐖 และซัวเจ๋ง 🐟 ซึงคอยช่วยเหลือให้การเดินทางนั้นสำเร็จลุล่วง

หากนักผจญภัยคนสำคัญอีกรายบนเส้นทางสายไหม คือ มาร์โค โปโล พ่อค้าและนักเดินทางชาวเวนิส โดยตัวของเขาได้ออกเดินทางผ่านเส้นทางสายไหมทั้งทางบกและทางทะเลเป็นเวลานานกว่า 3 ปี และทำงานรับใช้กุบไลข่านนานถึง 17 ปี
เมื่อเขากลับมา เรื่องราวของการเดินทางของเขาก็ได้ถูกบันทึกและเผยแพร่ จนทำให้ชาวยุโรปต่างตื่นตาตื่นใจกับความน่าพิสมัยของโลกตะวันออก จนกระตุ้นความสนใจในการค้าขายและการสำรวจ จนทำให้ยุโรปเริ่มต้นยุคแห่งการสำรวจและการค้นคว้า

การเดินทางครั้งนี้… จึงเป็นการเดินทางตามรอยทั้ง “จางเชียน”, พระถังซัมจั๋ง, มาร์โค โปโล และนักผจญภัยอีกมากมายที่ได้เดินทางผ่านเส้นทางสายไหม
นี่คือเส้นทางเดียวกับที่พระถังซัมจั๋งและสานุศิษย์ ออกเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกมาจาก “ไซที” หรือ “สวรรค์ทางตะวันตก” ซึ่งหมายถึง อินเดียและเอเชียกลาง ดินแดนที่ศาสนาพุทธรุ่งเรืองในยุคนั้น

เริ่มต้นการเดินทางบนเส้นทางสายไหมที่เมือง “หลานโจว” เมืองหลวงของมณฑลกานซู่ อันมีประวัติศาสตร์มายาวนาน กว่า 2,200 ปี 📜หลานโจวมีบทบาทสำคัญทางการทหารและการค้าของจีน เพราะถือเป็นศูนย์กลางของเส้นทางสายไหม (Silk Road) ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าที่ทอดยาวตั้งแต่จีนถึงยุโรป 🌍

เยี่ยมชม“พิพิธภัณฑ์มณฑลกานซู่” (Gansu Provincial Museum)ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงโบราณวัตถุล้ำค่ากว่า 350,000 ชิ้น โดยชิ้นที่สำคัญ คือ ม้าบินแห่งกานซู่ (Flying Horse of Gansu) หรือ “ม้าสัมฤทธิ์วิ่งห้อบนนกนางแอ่นโบยบิน” 🪽
ประติมากรรมสำริดอันเลื่องชื่อชิ้นนี้สร้างขึ้นสมัยราชวงศ์ฮั่น ซึ่งมีทั้งความงดงามทางศิลปะและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ทำให้มันกลายเป็นโบราณวัตถุสำคัญที่ทางการจีนห้ามนำไปจัดแสดงนอกจีนแผ่นดินใหญ่

สักการะ “วัดต้าฝอ” (Dafo Temple) หรือ วัดพระใหญ่ 🛕 วัดพุทธอันด่งดังจาก พระพุทธรูปไสยาสน์ หรือพระนอนองค์ใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งของประเทศจีน
พระพุทธรูปไสยาสน์ดังกล่าวมีความยาวถึง 35 เมตร ถือเป็นพระพุทธรูปนอนที่สร้างจากดินเหนียวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ภายในวัดยังมีจิตรกรรมฝาผนังสมัยราชวงศ์ชิงที่งดงาม ซึ่งบรรยายเรื่องราวการเดินทางของ “พระภิกษุเซวียนจั้ง” หรือ พระถังซัมจั๋ง และเหล่าศิษย์ของท่านในวรรณกรรมเรื่องไซอิ๋ว 🧭

พาทุกท่านเดินทางเข้าสู่อีกไฮไลท์สำคัญของทริปนั่นคือ “อุทยานธรณีวิทยาแห่งชาติจางเย่” และเยี่ยมชม “ภูเขาสีรุ้ง” 🌈 สุดงดงามตระการตาและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น อุทยานธรณีโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO Global Geopark) ในปี 2020.
นอกจากนี้ยังพาไปชม “ป้อมปราการกำแพงเมืองจีนเจียยวี่กวน” 🛡️ ป้อมปราการประวัติศาสตร์ที่สำคัญและเป็นสัญลักษณ์ของกำแพงเมืองจีนฝั่งตะวันตกในสมัยราชวงศ์หมิง ป้อมแห่งนี้เริ่มสร้างขึ้นเมื่อปี 1372 สมัยต้นราชวงศ์หมิง เพื่อป้องกันจุดยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหม

ชื่นชมแหล่งพุทธศิลป์ที่สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกที่ ถ้ำมั่วเกา (Mogao Cave) หรือ ถ้ำแห่งพระพุทธเจ้าพันองค์ถ้ำเหล่านี้ถูกสลักอย่างวิจิตรบนหน้าผาเลียบแม่น้ำต้าชวน ประกอบด้วยถ้ำที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีกว่า 492 แห่ง ภายในเต็มไปด้วยจิตรกรรมฝาผนังอันตระการตากว่า 45,000 ตารางเมตร และประติมากรรมทาสีกว่า 2,000 ชิ้น 😮
ถ้ำมั่วเกากลายเป็นที่รู้จักในระดับโลกเมื่อมีการค้นพบ “ห้องสมุดลับ” ซึ่งภายในมีเอกสารโบราณ ภาพวาด และคัมภีร์พุทธศาสนากว่า 50,000 ชิ้น ที่มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 4-11 ☸️
ถ้ำมั่วเกาเปรียบเสมือนขุมทรัพย์พุทธศิลป์ที่สืบทอดมากว่าพันปี ภาพจิตรกรรมภายในบอกเล่าเรื่องราวพุทธศาสนา อีกทั้งยังมีประติมากรรมดินเหนียวลงสีอย่างวิจิตร สะท้อนพัฒนาการของพุทธศิลป์ผ่านกาลเวลา กระทั่งในปี 1987 ถ้ำมั่วเกาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก 🌏

สัมผัสความแปลกของธรรมชาติที่ “หมิงซาซาน” (Ming Sha Shan) หรือ เนินทรายร้องเพลง ปรากฏการณ์ “เนินทรายร้องเพลง” 🎶 เกิดจากเม็ดทรายไหลลงมาจากเนินทรายและเสียดสีกันจนก่อเกิดเสียงอันไพเราะหลากหลาย ตั้งแต่เสียงกระซิบเบา ๆ ไปจนถึงเสียงคำรามกึกก้อง ขึ้นอยู่กับทิศทางลมและการเคลื่อนไหวของทราย นับเป็นหนึ่งในเสียงธรรมชาติที่แปลกใหม่และน่าประทับใจอย่างยิ่ง

พาไปสัมผัสความงดงามท่ามกลางทะเลทราย “ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว” 🌙 โอเอซิสรูปพระจันทร์เสี้ยว ซึ่งซ่อนตัวอยู่กลางเนินทรายสูงของหมิงซาซา สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งน้ำสำคัญบนเส้นทางสายไหมโบราณ 🏜️ ซึ่งคอยหล่อเลี้ยงคาราวานที่เดินทางผ่านทะเลทรายอันแห้งแล้งมานับไม่ถ้วน จนทำให้ทะเลสาบจันทร์เสี้ยวได้รับฉายาว่าฤดูใบไม้ผลิแรกในทะเลทราย

นอกจากได้รับชมความงามของโอเอซิสแห่งนี้แล้ว ทุกท่านจะได้สัมผัสประสบการณ์การขี่อูฐ (รวมค่าธรรมเนียมในค่าทัวร์แล้ว) ประมาณ 40 นาที 🐪

เดินทางสู่ “ภูเขาฮั่วเหยี่ยนซาน” (Huoyanshan) หรือ ภูเขาเปลวเพลิง (Flaming Mountains) 🌋 ภูเขาแห่งนี้เป็นเทือกเขาหินทรายสีแดงอยู่ในเทือกเขาเทียนซาน เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์
ภูเขาเปลวเพลิงยังเป็นส่วนหนึ่งของวรรณกรรมจีนอันโด่งดังเรื่อง “ไซอิ๋ว” (Journey to the West) ซึ่งซุนหงอคง 🙊 ได้สร้างความวุ่นวายบนสวรรค์ และไปเตะเตาไฟปรุงยาอัมฤตจนกลายเป็นภูเขาเปลวเพลิง
และที่นี่เองซุนหงอคงต้องไปขอยืมพัดกายสิทธิ์ 🪭 จากองค์หญิงพัดเหล็กมาดับไฟในภูเขาเปลวเพลิงเพื่อให้พระถังซัมจั๋งได้เดินทางไปเชิญพระไตรปิฎกที่อินเดียต่อไป

พาเยี่ยมชมเมืองโบราณเกาชาง (Gaochang Ancient City) หรือ คาราโคจา (Kharakhoja) ในภาษาอุยกูร์ซึ่งแปลว่า เมืองแห่งกษัตริย์ก่อตั้งขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกในฐานะเมืองหน้าด่าน และจากการเป็นชุมทางค้าขายบนเส้นทางสายไหม ซึ่งพระถังซัมจั๋ง เคยมาพำนักและแสดงธรรมให้กับกษัตริย์ชวีเหวินไท่ (Qu Wentai) ก่อนเดินทางไปอินเดีย
เมืองเกาชาถูกทิ้งร้างในช่วงศตวรรษที่ 14 ซากโบราณสถานของเมืองยังคงแสดงร่องรอยของความรุ่งเรืองของเส้นทางสายไหม ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกำแพงเมือง ประตูเมืองพระราชวัง วัด บ้านเรือน และตลาด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของผู้คนในเมืองโบราณแห่งนี้

พาไปสัมผัส“เมืองโบราณเจียวเหอ” (Ancient City of Jiaohe) ซากเมืองโบราณที่ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อ 108 ปีก่อนคริสตกาล เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรจูซื่อ และเป็นจุดพักสำคัญบนเส้นทางสายไหม 🌅
เมืองนี้เคยเป็นศูนย์กลางของ พุทธศาสนาในเขตซินเจียง และอาคารภายในเมืองนี้ไม่ได้สร้างขึ้นด้วยอิฐหรือหิน แต่ใช้การขุดและแกะสลักจากหินและดินเหนียวของภูเขา ทำให้เมืองมีความแข็งแกร่งและสามารถอยู่รอดมานับพันปี
เมืองเจียวเหอถูกทิ้งร้างไปเนื่องจากสงครามและความเสื่อมถอยของเส้นทางสายไหม โดยปัจจุบันเมืองโบราณเจียวเหอเป็นส่วนหนึ่งของ เส้นทางสายไหมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2014

สัมผัสความสวยงามของ “ทะเลสาบเทียนฉือ” (Tianchi Heavenly Lake) หรือ ทะเลสาบสวรรค์ 🏞️ ด้วยรูปร่างของทะเลสาบคล้ายพระจันทร์เสี้ยว น้ำใสราวคริสตัลที่เกิดจากการละลายของหิมะ พร้อมบรรยากาศที่ถูกโอบล้อมด้วยยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะและป่าสนหนาทึบ 🌲สร้างสรรค์ทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาราวกับภาพวาด จึงทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ได้รับฉายาว่าเป็น ไข่มุกแห่งเทือกเขาสวรรค์ 🪽และมีทัศนียภาพงดงามที่สุดในจีน 🩵
ในอดีต พ่อค้าจากจีน อาหรับ เปอร์เซีย และยุโรปที่เดินทางผ่านเส้นทางสายไหมจำเป็นต้องพักผ่อนระหว่างการเดินทางอันยาวนาน ทะเลสาบเทียนฉือเป็นจุดพักพิงตามธรรมชาติ ที่มีน้ำสะอาดจากธารน้ำแข็ง และมีภูมิอากาศเย็นสบาย ทำให้เหมาะสำหรับพักค่ายคาราวาน⛰️

สุดท้ายเราจะพาแวะช้อปปิ้งที่ “ตลาดนานาชาติซินเจียง” (Xinjiang International Grand Bazaar) ตลาดขนาดใหญ่ใจกลางเมืองอุรุมชี 🏙️และเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตลาดแห่งนี้เปิดตัวในเดือนมิถุนายน ปี 2003 บนพื้นที่กว่า 100,000 ตารางเมตร
ตลาดโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอิสลามที่งดงาม โดยมีโดมและหออะซานสีฟ้าและสีเงินสดใส
ตลาดแห่งนี้เป็นแหล่งรวมร้านค้ากว่า 3,000 ร้าน ซึ่งนำเสนอสินค้าหลากหลายประเภท โดยเฉพาะ งานหัตถกรรม อย่างเช่น พรมอุยกูร์ เครื่องประดับ และผ้าปัก หรือ อาหารเลิศรส เช่น เคบับ ข้าวอบ และขนมปังนานที่สดใหม่และน่าลิ้มลอง 🫓
ยังมีสถานที่และเรื่องราวอันตื่นตาบนเส้นทางสายไหมแห่งนี้ รอให้ทุกท่านไปสัมผัสด้วยตัวเอง!
ทริปสุดพิเศษประจำปี 2025 แบบนี้ ออกเดินทางวันที่ 8-16 กันยายน 2025! เต็มอิ่มกว่า 9 วัน 8 คืน
โดยทริปนี้เดินทางร่วมกับ “คุณปั๊บ” เจ้าของเพจ The Wild Chronicles ซึ่งจะพาท่านไปกับพบความรู้ที่แปลกใหม่ บนเส้นทางตามรอยการอัญเชิญพระไตรปิฎก มหามรรคาประวัติศาสตร์ซึ่งเชื่อมโลก!

รับประสบการณ์ที่แตกต่าง และสัมผัสบรรยากาศแบบใหม่ที่อาจไม่เคยลิ้มลอง หากท่านใดสนใจขอโปรแกรม สามารถติดต่อได้ทาง หมายเลข 082-894-8444, 089-927-6446 หรือแอด LINE OA ได้ที่ @thewildchronicles (พิมพ์ @ ด้านหน้า) และพิมพ์ว่า “สนใจทัวร์จีนเส้นทางสายไหม” ได้เลยนะครับ หรือกดปุ่ม “จองทัวร์” ได้เลยครับ
0 Comment