หากกล่าวถึงอารยธรรมเปอร์เซีย อิสฟาฮาน (Isfahan) คือชื่อของอดีตเมืองหลวงอันยิ่งใหญ่ที่ปัจจุบันเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญของประเทศอิหร่านที่ครั้งหนึ่งควรไปให้ได้ เนื่องจากเมืองนี้เคยเป็นศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรืองของโลกในอดีต โดยยืนยันได้จากแหล่งมรดกโลก (World Heritage Site) ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก UNESCO อย่าง “จัตุรัสแนกชีจาฮัน” (Naqsh-e Jahan Square) ซึ่งล้วนแต่มีสถานที่สำคัญมากมายรายล้อมอยู่รอบทั้งสี่ทิศ จนนักเดินทางยุคแล้วยุคเล่าต่างพากันหลั่งไหลมาสำรวจตามจุดต่างๆ ของจัตุรัสใจกลางเมืองอิสฟาฮาน
 
แล้วจะยังมีโบราณสถานที่หลบเร้นจากสายตานักท่องเที่ยวได้อยู่อีกหรือ?
 
ณ บริเวณด้านหลังของพระราชวังอาลี คาปู (Ali Qapu Palace) ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจัตุรัสแนกชีจาฮัน ปรากฏสิ่งก่อสร้างโบราณรูปทรงโดมสิบสองด้านหลังหนึ่ง ตั้งตระหง่านอยู่ตรงลานกว้างในบรรยากาศเงียบสงบ ไร้นักท่องเที่ยวพลุกพล่านเฉกเช่นอาคารเก่าแก่อื่นๆ ในละแวกใกล้เคียง
 
สถานที่แห่งนี้มีนามว่า “เตาฮีด คาเนห์” (Tawhid Khaneh)
 
เชื่อกันว่า สาเหตุที่อาคารโบราณแห่งนี้มีลักษณะรูปทรงสิบสองหน้าที่แตกต่างไปจากสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ในช่วงราชวงศ์ซาฟาวิด (Safavid Dynasty) นอกจากเหตุผลในเรื่องความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างแล้ว อาจสื่อถึงหลักสิบสองอิหม่าม (The Twelve Imams) อันเป็นรากฐานสำคัญที่ก่อร่างขึ้นในยุคซาฟาวิด เพราะส่วนเหนือสุดของรูปทรงสิบสองเหลี่ยมที่เชื่อมต่อกับส่วนฐานของทรงกลมด้านบนนั้นมีข้อความที่สลักถึงผู้บริสุทธิ์ทั้งสิบสี่ (The Fourteen Infallibles) ลำดับต้นอันเป็นบุคคลสำคัญของนิกายชีอะห์ (Shia) ปรากฏอยู่ แต่ทว่าแปลนห้องประชุมภายในที่เป็นรูปวงกลมนี้ กลับคาดว่าถูกออกแบบมาเพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมของนิกายซูฟี (Sufism) อันเป็นต้นกำเนิดของราชวงศ์ซาฟาวิด
 
ด้วยเหตุนี้ เตาฮีด คาเนห์ ซึ่งถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าชาห์อับบาสที่ 1 แห่งราชวงศ์ซาฟาวิด (Shar Abbas I of Safavid Dynasty) จึงเป็นสถานที่รวมตัวกันของเหล่าเดอร์วิช (Dervishes) นักบวชนิกายซูฟี เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมทางจิตวิญญาณและสวดภาวนาถวายพระเจ้าชาห์อับบาสที่ 1 เป็นประจำในทุกเย็นวันศุกร์ โดยบางโอกาสพระองค์ท่านเองก็เสด็จเข้าร่วมประชุม เพื่อรับฟังข่าวสารและความคิดเห็นของประชาชนจากเหล่านักบวชซูฟี ณ ที่แห่งนี้ด้วย
 
ทว่าเมื่อมาถึงยุคราชวงศ์กอญัร (Qajar Dynasty) เตาฮีด คาเนห์ ก็มิได้ดำรงอยู่ในสถานะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป จนกลายมาเป็นสถานที่คุมขังชั่วคราวในช่วงราชวงศ์ปาห์ลาวี (Pahlavi Dynasty) และในท้ายที่สุด หลังจากได้รับการบูรณะในปี 1978 ก็แปรเปลี่ยนไปเป็นส่วนหนึ่งของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบเมืองของมหาวิทยาลัยศิลปะแห่งอิสฟาฮาน (Art University of Isfahan) มาจนถึงปัจจุบัน
 
แม้ว่าในวันนี้ เตาฮีด คาเนห์ จะแทบไม่อยู่ในรายชื่อของอาคารในจัตุรัสแห่งประวัติศาสตร์ประจำเมืองอิสฟาฮานไปเสียแล้ว แต่หากนักท่องเที่ยวคนใดได้มองลงมายังด้านหลังของพระราชวังอาลี คาปู ก็จะพบว่ามีอาคารทรงโดมเก่าแก่หลังหนึ่งปรากฏอยู่ แม้จะไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องราวของมันเลยก็ตาม